นายกรัฐมนตรี ประชุม ครม. ผ่านระบบ Video Conference จับตามาตรการเยียวผู้ได้ผลกระทบโควิด จัดเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ฉีดวัคซีนแบบ Walk in
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีผ่านระบบ Video Conference ณ ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ไปยังกระทรวงต่างๆ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
สำหรับวาระการประชุมในวันนี้ ยังคงต้องติดตามถึงมาตรามาตราเยียวผู้ได้ผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มเติม รวมทั้งกรณีการพบผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากหลังเร่งตรวจเชิงรุกในชุมชนพื้นที่เสี่ยง แคมป์คนงาน และเรือนจำทั่วประเทศ ที่มีมากกว่า 10,000 คน
นอกจากนี้ คาดว่า ที่ประชุมจะมีการรายงานถึงการจัดเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ฉีดวัคซีน Walk in ที่ทางคมนาคม จะเปิดสถานีกลางบางซื่อ พื้นที่ชั้น 1 และชั้นลอย กว่า 13,500 ตารางเมตร เป็นศูนย์บริการฉีดวัคซีน เพื่อบริการประชาชน บุคคลากรด่านหน้า และผู้ให้บริการในระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภทในเขต กทม.และปริมณฑล ที่จะสามารถรองรับประชาชนที่รับบริการกว่า 10,000 คน/วัน และจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 24-31 พ.ค.ในเวลา 09.00-20.00 น. ให้กับผู้ให้บริการด่านหน้า และตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป จะให้บริการกับประชาชนทั่วไปแบบวอล์กอิน ในทุกวัน จนถึงสิ้นปี 64
นอกจากนี้ คาดว่า กระทรวงการคลัง จะมีการรายงานที่ประชุมครม.เกี่ยวกับเรื่องการโหวตแผนฟื้นฟูกิจการการบินไทย และการนำการบินไทย กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจหลังมีกระแสข่าวรัฐบาลเพิ่มทุนให้บริษัทการบินไทย 5 หมื่นล้าน เพื่อให้กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจประเภท 3 ที่นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลยังไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและยังไม่ได้มีการสนับสนุนเงินใดๆ ทั้งสิ้น จนกว่าจะมีการเดินหน้าตามแผน
ที่ประชุม ครม. รับทราบผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ถึงมาตรการเยียวยาช่วงโควิด-19 ปี 2564
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือเยียวยา ของภาครัฐจากสถานการณ์โควิด-19 ปี 2564 ได้แก่ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน, โครงการคนละครึ่ง, โครงการเราชนะ และโครงการ ม.33 เรารักกัน รวมถึงการดำเนินการเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของภาครัฐ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติได้สอบถามประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 9,000 คน ระหว่างวันที่ 8-15 มี.ค.64
ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่า ประชาชนร้อยละ 99.7 รับทราบมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐ โดยประชาชนมีความพึงพอใจโดยรวมต่อมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐในระดับมากถึงมากที่สุดร้อยละ 81.2 พอใจปานกลางร้อยละ15.9 พอใจน้อยถึงน้อยที่สุดร้อยละ 2.3 และไม่พึงพอใจร้อยละ 0.6
เมื่อแยกเป็นรายโครงการพบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ระดับมากถึงมากที่สุดร้อยละ 59.9 พึงพอใจระดับมากถึงมากที่สุดโครงการคนละครึ่งร้อยละ 82.7 โครงการเราชนะร้อยละ 86.7 และม.33 เรารักกันร้อยละ 67.8 และยังมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสำหรับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน 3 อันดับแรก คือ ควรให้สิทธิกับทุกคนโดยไม่ต้องลงทะเบียน, ควรขยายระยะเวลาใช้บริการ และควรให้เป็นเงินสดเพื่อนำไปใช้บริการ ส่วนโครงการคนละครึ่ง เราชนะ และม.33 เรารักกัน ประชาชนมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม คือ ควรให้ทุกคนได้รับสิทธิเยียวยา, ควรเพิ่มวงเงิน และควรให้เป็นเงินสด
สำหรับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐ ที่ประชาชนต้องการให้ดำเนินการต่อไปมากที่สุดคือ โครงการเราชนะร้อยละ 62.9 โครงการคนละครึ่งร้อยละ 26.3 โครงการ ม.33 เรารักกันร้อยละ 6.1 โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐร้อยละ 1.7 และโครงการเราเที่ยวด้วยกันร้อยละ 0.6
ส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของภาครัฐพบว่า ประชาชนร้อยละ 60.7 มีความพร้อม ร้อยละ 39.3 ไม่พร้อม โดยให้เหตุผล ว่า ไม่มั่นใจในความปลอดภัย กลัวฉีดแล้วมีอาการแพ้ และต้องการดูผลที่เกิดขึ้นจากการฉีดของคนอื่นก่อน อย่างไรก็ตามประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อการดำเนินการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของภาครัฐในระดับมากถึงมากที่สุดร้อยละ 66.3
ทั้งนี้สำนักงานสถิติแห่งชาติมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย คือ ควรเพิ่มมาตรการให้ความช่วยเหลือกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง เช่น ควรเพิ่มวงเงินมากกว่าประชาชนกลุ่มอื่น, ควรให้ทุกคนได้รับสิทธิในการเยียวยา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบกับประชาชนทุกคนและทุกระดับ และขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือไม่ควรยุ่งยากและซับซ้อน
เช่น การให้เป็นเงินสดโดยไม่ต้องลงทะเบียน และควรส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างทั่วถึงและครอบคลุมทุกพื้นที่ในราคาย่อมเยา รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น ลดราคาสินค้าสำหรับผู้ที่ซื้อสินค้าและบริการออนไลน์
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news