6 เดือนตร.ยึดทรัพย์คดียาเสพติด 2,400 ล้านบาท
ผบ.ตร. เผย ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ยึดทรัพย์คดียาเสพติด กว่า 2,400 ล้านบาท ล่าสุด จับเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ พร้อมยึดยาบ้า 5 ล้านเม็ด และไอซ์ 99 กิโลกรัม
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) แถลงข่าวยึดยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด จากเครือข่ายของนายจะฟู ทาปะ โดยเป็นการสืบสวนขยายผลของตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่ได้รับรายงานว่า จะมีเครือข่ายยาเสพติด ลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงสืบสวนหาข่าว กระทั่งพบเครือข่ายของนายจะฟู ทาปะ ซุกซ่อนมาในกระสอบปุ๋ย ท้ายรถยนต์กระบะของกลาง จึงสกัดจับได้ที่บริเวณเลี่ยงเมืองสาธารณะบ้านแม่ฮ่าง-บ้านสันต้นหมื้อ อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
อีกคดี ตำรวจยึดไอซ์ 99 กิโลกรัม พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหา 3 คน เจ้าของฉายา BMW ได้ที่บริเวณถนนสายศรีชมพู อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นรอยต่อจังหวัดอุดรธานี เบื้องต้น ตำรวจพบข้อมูลว่า จะนำไอซ์มาส่งให้ผู้ค้าในพื้นที่ภาคกลางและปริมณฑล
นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังสรุปผลปฏิบัติการ ยึดทรัพย์คดียาเสพติด รอบ 6 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 ถึงเมษายน 2564 กว่า 2,400 ล้านบาท รวมคดีทั้งสิ้นกว่า 192,000 คดี แบ่งเป็นคดีประเภทเสพยาเสพติด, ครอบครอง และครอบครองเพื่อจำหน่าย ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาไปทั้งหมด 193,000 คน ในจำนวนนี้ เป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่มากถึง 97 เครือข่าย พร้อมยึดยาเสพติดจำนวนมาก เช่น ยาบ้ากว่า 300 ล้านเม็ด, ไอซ์กว่า 19,000 กิโลกรัม, เฮโรอีนกว่า 2,700 กิโลกรัม, กัญชากว่า 24,000 กิโลกรัม, เคตามีนกว่า 948 กิโลกรัม และ ยาอีกว่า 240,000 เม็ด รวมทั้ง ยึดทรัพย์สิน เช่น สิ่งปลูกสร้างพร้อมที่ดิน จำนวน 153 รายการ, รถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมกว่า 2,000 คัน และทรัพย์สินมีค่าอื่น ๆ อีกหลายรายการ
ซึ่งภาพรวมพบว่า ตัวเลขการจับกุม 3 ปีย้อนหลังมีความใกล้เคียงกัน แต่ปี 2564 มีการยึดยาเสพติดได้จำนวนมากกว่า เนื่องจาก ยามีราคาถูกลง และในพื้นที่แหล่งผลิต มีการสู้รบในพื้นที่ จึงมีการนำยาเสพติดออกมาจำหน่ายจำนวนมาก ด้าน พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ภาพรวมผลการปราบปรามยาเสพติดเป็นที่น่าพอใจ และตั้งเป้าตลอดปี 2564 ขยายผลยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดให้ได้ 6,000 ล้านบาท
ผบ.ตร.สั่งเช็กบิล แก๊งต่างชาติเหิมยิง ตร.บาดเจ็บ เอาผิดทุกข้อหา ขยายผลผู้ร่วมขบวนการ ลั่นไม่ปล่อยให้ลอยนวล
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีคนร้ายก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ ขณะเข้าตรวจสอบคฤหาสน์หรู ภายในสนามกอล์ฟ ในพื้นที่ ม.9 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อช่วงเย็นวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า กรณีดังกล่าวได้รับรายงานว่าตำรวจศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติสนธิกำลังกับหลายหน่วย นำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ จึงเกิดเหตุยิงกัน เท่าที่ได้รับรายงานขณะเกิดเหตุภายในบ้านมีคนอยู่ 8 คน ทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ
ล่าสุดตำรวจแจ้งข้อหากับผู้กระทำผิด 1 คน ในข้อหาพยายามฆ่า มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีการตรวจยึดคอมพิวเตอร์และเอกสารมาตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดกฎหมายใดหรือไม่ รวมทั้งให้ตรวจสอบคนต่างชาติทั้งหมดว่าเข้ามาในประเทศเมื่อใด เข้ามาอย่างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งให้สตม.ไปตรวจสอบในส่วนนี้ ขณะเดียวกันได้สั่งการให้กองปราบปรามลงไปสนับสนุนการปฏิบัติของตำรวจท้องที่ด้วย
“ผมได้ให้นโยบายกับ พล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จ.ว.ชลบุรี ไปแล้วว่า ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในทุกข้อหา ทุกความผิดที่ตรวจพบ รวมทั้งสืบสวนขยายผลไปถึงใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เราต้องดูแลคนของเรา และต้องไม่ปล่อยให้ใครที่มาทำแบบนี้ลอยนวลไปได้ต้องเอาให้หมด”
สำหรับอาการของ ร.ต.อ.พันเทพ ศรีบุญนาค หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ สภ.เมืองพัทยา ที่ถูกยิง ขณะนี้มีการผ่าตัดรอบสองไปแล้ว ทราบว่าถูกยิง 3 นัด จุดสำคัญบริเวณช่องท้อง ส่วนเหตุผลที่คนร้ายยิงก็เป็นไปตามที่เขาให้การ ซึ่งเขามีสิทธิจะให้การอย่างไรก็ได้ ทางตำรวจก็คงต้องสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการ
ผบ.ตร. ยัน คดีน้องชมพู่ มีคำตอบแน่
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้า ผลสรุปคดีการเสียชีวิตของ น้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ชาวหมู่บ้านกกกอก ตำบลกกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ที่หายตัวจากบ้านและพบเป็นศพร่างเปลือยบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านพัก กว่า 2 กิโลเมตร เหตุเกิดเมื่อ 11 พฤษภาคม 2563 ว่า ยังคงรออยู่ หากแถลงไปตอนนี้จะกลายเป็นการเปิดเผยข้อมูลให้สามารถหาข้อโต้แย้งการต่อสู้กันในโลกโซเชียล แต่บอกได้ว่ามีคำตอบให้ท่านตัดสินกันเอง
ผบ.ตร. ลั่น คดี ประสิทธิ์ เจียวก๊ก ใครผิดดำเนินคดีปล่อยไม่ได้
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการดำเนินคดีกับนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน พร้อมพวก 6 คน ข้อหาฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาทว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้มูลค่าความเสียหายพันกว่าล้าน ถ้ามีผู้เสียหายมาแจ้งเพิ่มพนักงานสอบสวนก็พร้อม เรื่องการดำเนินคดีขอยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่ได้มีใครเป็นพิเศษ ใครที่เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมยินดีรับฟังทุกคน แต่ถ้าใครผิดก็ต้องดำเนินคดีปล่อยไม่ได้
ในคดีนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแพร่หลายในโลกโซเชียลนั้น เรียนว่าเรามีโลกที่วิ่งควบคู่กับโลกความเป็นจริงคือโลกโซเชี่ยล มีการสืบสวนตัดสินกันในโลกโซเชียล บางทีข้างล่างยังไม่ได้ไปไหนโซเชียลตัดสินแล้ว โลกโซเชียลมีทั้งฝ่ายโจทย์และฝ่ายจำเลยก็ว่ากันไป เจ้าหน้าที่ยึดเอาหลักกฎกติกาความเห็นใครจะรักใครชอบใครไปห้ามกันไม่ได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news