Home
|
ทั่วไป

พบโควิดสายพันธุ์อินเดีย15คนงานหลักสี่

Featured Image
ศบค. พบแคมป์คนงานก่อสร้างหลักสี่ 15 คน ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดีย ย้ำแผนกระะจายวัคซีนฉีดพร้อมกัน 7 มิ.ย. เป็นต้นไป

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 หรือ ศบค. ระบุ ที่ประชุม ศบค. ได้พูดคุยกันถึงการระบาดใจกลางกรุงเทพมหานคร คือที่พักคนงานก่อสร้างเขตหลักสี่, ที่พักคนงานก่อสร้างเขตดอนเมือง, ที่พักคนงานก่อสร้างเขตคลองเตย, ชุมชนแออัดรอบตลาดคลองเตย, ชุมชนแออัดตลาดห้วยขวางเขตดินแดง, ชุมชนตลาดพลอยบางรักเขตบางรัก และชุมชนแออัดตลาดบางกะปิเขตบางกะปิ และพบว่ามีการตรวจพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่แคมป์คนงานหลักสี่ และมีคนงานจำนวน 15 รายที่ ตรวจพบว่ามีเชื้อสายพันธุ์อินเดีย B1.617.2 ขณะนี้อยู่ในการดูแลของทางโรงพยาบาลแล้ว พร้อมกับส่งทีมสอบสวนโรค เพื่อดูแลและควบคุมการแพร่ระบาดต่อไป ซึ่งทราบว่าเชื้อสายพันธุ์อินเดียทำให้มีการแพร่ระบาดได้ขึ้นมาจำนวนมาก ขณะเดียวกันในขณะนี้ได้มีรายงานการพบเชื้อสายพันธุ์อินเดียระบาดในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย ส่วนข้อมูลรายละเอียดทางกระทรวงสาธารณสุขจะมีการรายงานข้อมูลเชิงลึกต่อไป

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ต่างๆ นายกรัฐมนตรีได้รับทราบและได้กำชับให้ กระทรวงสาธารณสุขได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่

นายแพทย์ทวีศิลป์ เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรี เน้นย้ำในที่ประชุม ศบค. ว่า จะต้องตรวจสุขอนามัยของค่ายที่พักคนงาน ไม่ให้มีการเดินทางข้ามเขต จัดระเบียบตลาดนัดร้านค้าในชุมชน ดูแลสุขอนามัยของผู้ประกอบการร้านอาหารและพนักงานส่งอาหารตามบ้าน /จัดระเบียบการเดินทางของระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท เน้นย้ำมาตรการ work from home จึงต้องกำกับติดตามวัตถุงานได้ปฏิบัติตามอย่างจริงจังหรือไม่ ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงเข้ามากำกับติดตามมาตรการอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ มีการยกโมเดลการจัดการของประเทศจีน ที่กำหนดให้พื้นที่ที่ไม่มีการแพร่ระบาดจะต้องป้องกันอย่างเข้มงวดไม่มีการนำเชื้อเข้ามาในพื้นที่ ส่วนพื้นที่ที่เริ่มมีผู้ป่วยให้ใช้มาตรการการค้นหาควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อต่อไป พื้นที่ที่มีการระบาดเป็นกลุ่ม ต้องควบคุมการแพร่โรคให้ได้มากที่สุด และป้องกันการแพร่ไปยังที่อื่นโดยให้การรักษาผู้ป่วยอย่างดีที่สุด นอกจากนี้ พื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดอย่างมากให้ใช้ยุทธศาสตร์การดูแลผู้ป่วยเป็นหลัก และควบคุมการแพร่เชื้อควบคุมการเดินทาง โดยให้อยู่ที่บ้านเป็นหลัก

โดยนายกรัฐมนตรี รู้สึกเป็นห่วงจำนวนผู้เสียชีวิตที่เกิดขึ้นในรายวันมีจำนวนสูงขึ้น พร้อมย้ำว่าแม้แต่รายเดียวก็เป็นความสูญเสียที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นโดยขอให้ฝ่ายการแพทย์ของกรุงเทพมหานครกรมการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยทุกแห่ง รวมถึงโรงพยาบาลเอกชนร่วมมือกันวางยุทธศาสตร์ในการดูแลผู้ป่วยให้ได้อย่างดีที่สุด โดยมีการแลกเปลี่ยนทางวิชาการและบูรณาการทรัพยากรร่วมกัน

ส่วนแผนการจัดการและให้บริการวัคซีน และให้นำเสนอชุดข้อมูล จะมีการฉีดวัคซีนพร้อมกันในช่วงเริ่มต้นพร้อมกัน 7 มิถุนายน ใน 3 ช่องทาง ประกอบด้วยผ่านระบบหมอพร้อม ในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มมีโรค 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง การลงทะเบียนณจุดบริการ on site registration ซึ่งเป็นการเสริมช่องทางของระบบหมอพร้อม ในลักษณะเช่นเดียวกับการจองร้านอาหาร และการกระจายวัคซีนให้กลุ่มเฉพาะเช่นแพทย์พยาบาล อสม. เจ้าหน้าที่ด่านหน้า ครู นักธุรกิจนักศึกษา

โดยในระยะที่ 1 การกระจายวัคซีนได้มีการทดลองระบบการลงทะเบียน การฉีดรถไม่ถึงให้โควตา ทยอยฉีดกลุ่มเป้าหมายที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ถึงวันที่ 6 มิถุนายน 2564 เรียนที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไปถือเป็นระยะที่ 2 เริ่มฉีดวัคซีนตามระบบ ซึ่งถือเป็นวาระแห่งชาติ บุคลากรทางการแพทย์ด้านหน้าที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ตัวแทนนักกีฬาไปแข่งต่างประเทศ นักเรียน นักศึกษาไปยังต่างประเทศ วัยทำงานผู้มีสิทธิประกันสังคม รวมถึงประชาชนทั่วไป โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะไม่มีการทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง ขออย่ากลัวว่าจะไม่ได้ฉีดวัคซีน

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube