ปลัดสธ.ยันวัคซีนแอสตราฯ เข้าไทยตามแผนเดิม
ปลัด สธ. ยันวัคซีนแอสตราฯ เข้าไทยตามแผนเดิม มิ.ย.64 เผย ปรับแผนกระจายวัคซีนโควิดขยายเวลารับเข็มที่ 2 ได้ถึง 16 สัปดาห์ มีข้อมูลวิชาการยืนยันกระตุ้นภูมิคุ้มกันมากขึ้น
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงประเด็นในสังคมออนไลน์มีการวิพากษ์วิจารณ์ กรณีหลายโรงพยาบาลเลื่อนนัดการรับวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา เข็มที่ 2 ออกไป จนเกิดคำถามว่า มีการนำวัคซีนไปให้ใครฉีดก่อนหรือไม่ หรือว่ามีการปรับแผนการกระจายวัคซีนโควิดใหม่นั้น ว่า จากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่มีการเปลี่ยนแปลงนั้น จึงจำเป็นต้องมีการปรับแผนกระจายวัคซีนโควิด-19 เพื่อให้ฉีดแก่ประชาชนมากขึ้นและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนโควิดแอสตราเซเนกา เข็มที่ 2 ที่มีการขยายเวลาการรับนั้น ได้มีการประกาศไปก่อนหน้านี้แล้วว่า สามารถรับเข็มที่ 2 ได้ 16 สัปดาห์ จากเดิม 10 สัปดาห์ ซึ่งเลื่อนทั้งหมดให้เป็นล็อตเดียวกัน หมายถึงตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2564 ที่จะมีการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา เข็มที่ 1 ก็จะเป็นเดือน มิ.ย. หลังจากนั้น เข็มที่ 2 ก็จะเป็นเดือน ต.ค. 2564 ส่วนนี้ มีข้อมูลวิชาการรองรับว่า ภูมิคุ้มกันจะขึ้นสูงขึ้นได้เร็ว
ส่วนกรณีมีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า โรงพยาบาลเลื่อนรับวัคซีนแอสตราเซเนกา เข็มที่ 2 เพราะรัฐบาลอาจไม่พร้อม เรื่องจำนวนวัคซีนที่จะเข้ามา นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ทางแอสตราเซเนกา เข้าใจในแผนการกระจายจัดการวัคซีนของไทย และหารือกันแล้วว่า ต้องจัดส่งให้ได้ตามแผน ดังนั้น จึงไม่มีปัญหาอะไร โดยที่คุยไว้จะต้องส่งมาเดือน มิ.ย.2564 ซึ่งลอตที่ผลิตมาก่อน ทางไทยก็อยากจะขอเข้ามาก่อน แต่จีนก็มีกระบวนการ ซึ่งคาดว่า มิ.ย. ก็จะได้ตามแผน แต่ปัจจุบันไทยก็มีวัคซีนซิโนแวคอยู่ โดยขณะนี้รอล็อตลีลีสประมาณ 2.5 ล้านโดส และเดือน มิ.ย. จะสั่งอีก 3 ล้านโดสเป็นอย่างน้อย นำมาประกบกับวัคซีนแอสตราเซเนกาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ตามแผนทางแอสตราเซเนกา ต้องส่งวัคซีนให้เราตามแผนช่วงเดือน มิ.ย. ซึ่งทางนั้นก็เป็นบริษัทใหญ่ เมื่อเห็นแผนของไทย สำหรับแผนกระจายวัคซีนโควิดที่มีการปรับเปลี่ยนนั้น ก็เป็นไปตามสถานการณ์โควิด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ประชาชนทุกคนต้องได้รับวัคซีนโควิด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ทั้งหมด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news