จับขบวนการโรแมนซ์สแกมพบเงินหนุนกว่า200ล.
ตำรวจกองปราบรวบขบวนการโรแมนซ์สแกม พบเงินหมุนเวียนในบัญชีถึง 200 ล้านบาท คาดผู้เสียหายหลายราย-ขณะผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม แถลงการจับกุมเครือข่ายโรแมนซ์สแกม จำนวน 6 คน ซึ่งมีชาวไนจีเรีย 1 คน โดยพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหาสืบเนื่องจากผู้เสียหายรู้จักกับคนร้าย ซึ่งอ้างตัวว่าชื่อ mr.lanny gray เป็นนักธุรกิจ สัญชาติอเมริกา วัยเกษียณ ทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซียผ่านแอพพลิเคชั่น Instagram หลังจากนั้นก็ได้มีการติดต่อกันผ่านแอพพลิเคชั่น LINE
โดยคนร้ายได้ทำความรู้จัก และพูดคุยกับผู้เสียหาย และให้ความหวังว่าจะเดินทางมาใช้ชีวิตร่วมกันที่ประเทศไทย จนผู้เสียหายเกิดความเชื่อใจและอ้างว่าส่งของมีค่ากระเป๋าเดินทางและกล่องพัสดุสำคัญมาให้ จึงขอให้ผู้เสียหายช่วยรับของดังกล่าวไว้ต่อมามีคนอีกคนอยู่โทรศัพท์ติดต่อมายังผู้เสียหาย โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทส่งสินค้าระหว่างประเทศแจ้งว่ากระเป๋าเดินทางและกล่องพัสดุดังกล่าวมาถึงประเทศไทยแล้ว แต่มีขั้นตอนการดำเนินการส่งสินค้าและมีค่าธรรมเนียมที่ผู้เสียหายต้องชำระเงินเอง โดยผู้เสียหายเกรงว่าหากไม่ทำการชำระเงินของมีค่ากระเป๋าเดินทางและกล่องพัสดุดังกล่าวจะถูกส่งกลับคืนไปยังต่างประเทศ จึงได้ทำการโอนเงินค่าดำเนินการต่างๆ รวมทั้งสิ้นเกือบ 1 ล้านบาท
แต่ภายหลังได้ชำระเงินไปแล้วผู้เสียหายก็ยังไม่ได้รับของแต่อย่างใด จากนั้นคนร้ายได้พยายามชักจูงให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าใช้จ่ายอื่น โดยกลุ่มคนร้ายอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจากประเทศมาเลเซีย โทรมาแจ้งกับผู้เสียหายว่า Mr.lanny gray ประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บจึงขอเรียกเก็บเงินเพื่อสำรองค่ารักษาพยาบาลจากผู้เสียหายอีกเกือบ 500,000 บาทแต่เมื่อผู้เสียหายติดต่อกลับไปหา Mr.lanny gray ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายจึงไม่ได้โอนเงินไป และเชื่อว่าตนเองถูกกลุ่มคนร้ายหลอก จึงได้ไปแจ้งความดำเนินคดี อีกทั้งจากการตรวจสอบบริการโอนเงินจากบัญชีอื่นเข้ามายังบัญชีกลุ่มคนร้ายประมาณ 50 บัญชี เมื่อผู้เสียหายโอนเงินเข้ามายังบัญชีของกลุ่มคนร้ายแล้วคนร้ายจะถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็มแล้วนำฝากเข้าบัญชีบัญชีหนึ่งของกลุ่มคนร้าย เพื่อปกปิดร่องรอยทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งจากการตรวจสอบบัญชีของหนึ่งในกลุ่มคนร้ายพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีถึง 200 ล้านบาท
โดยผู้ต้องหาทั้งหกคนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมกันนี้ยังตรวจยึดของกลางไว้ เป็นรถยนต์จำนวน 1 คัน เงินสดจำนวน 906,000 บาท โทรศัพท์มือถือจำนวน 7 เครื่อง บัญชีธนาคาร 8 เล่ม และเครื่องประดับต่างๆ แล้วจัดการตรวจสอบความเคลื่อนไหวในบัญชีของผู้ต้องหาพบว่ามีเงินอยู่ 110 ล้านบาทตำรวจจึงเชื่อว่ายังมี ผู้เสียหายอีกหลายรายตกเป็นเหยื่อ และในส่วนของผู้ต้องหาที่หลบหนีการจับกุม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งดำเนินการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news