“อมร มีมะโน”แจงยังบริสุทธิ์รอศาลพิจารณาคดีปั่นหุ้น
“อมร มีมะโน” แจงคดีปั่นหุ้นชี้ยังเป็นผู้บริสุทธิ์รอศาลพิจารณา ด้าน “ดร.ภูวิช” ยันไม่เกี่ยวข้อง
ตามที่มีมติคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง ดร.อมร มีมะโน และ ดร.ภูวิช ปัญญาสิทธิ์ ให้ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 และต่อมามีกระแสข่าวโจมตีในทางเสื่อมเสียในการที่จะดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการการเมืองดังกล่าว กรณี ที่มีการเสนอข่าวว่าบุคคลทั้ง 2 เกี่ยวข้องเป็นนักปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์และก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวม
ดร.อมร ระบุว่า ก.ล.ต. มีมติโดยคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) ลงโทษบังคับให้ชำระเงินค่าปรับแก่ผู้กระทำความผิดจำนวน 40 ราย แต่บุคคลที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าหุ้นขึ้นเป็นไปตามกลไกลของตลาดหุ้นและปฏิเสธ ข้อกล่าวหาในความรับผิดทางแพ่งและต่อมาทางพนักงานอัยการยื่นฟ้องบุคคลจำนวน 40 ราย เพื่อเรียกร้องค่าปรับ แต่ที่มีการนำเสนอข่าวว่าอัยการยื่นฟ้องเพื่อเรียกร้องคำปรับกับ ดร.อมร เพียงคนเดียว เป็นเงินจำนวน 2,303,065.33 ล้านบาท นั้น ซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะ ดร.อมร เป็นบุคคลคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องที่จะต้องรับผิดร่วมกันกับบุคคลอื่น ตามข้อกล่าวหาปรับเป็นเงินจำนวน 105,900,976.25 บาท จากจำนวนเงินค่าปรับทั้งหมดจำนวน 2,303,065.33 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งหมด 40 ราย และสำนักงาน ก.ล.ต.ได้ขอให้อัยการฟ้องในศาลแพ่ง
ดร.อมร ยังชี้แจงว่า คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลแพ่ง ทั้งนี้ ยังไม่มีคำพิพากษาของศาล ว่า กระทำความผิดและมีความผิดตามข้อกล่าวหาอันที่จะต้องรับผิดชอบชำระค่าปรับจำนวน 105,900 976.25 บาท ถึงแม้ว่าในอนาคตหากศาลพิจารณาพยานหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องที่จะต้องชำระค่าปรับแล้ว ไม่มีเจตนาที่จะปฏิเสธความรับผิด ในการชำระค่าปรับอันทำให้คดีสิ้นสุดไป
ดร.ภูวิช ปัญญาสิทธิ์ ได้ชี้แจงว่า ที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวไปยังสาธารณะ ที่กล่าวหาว่าเป็นบุคคลที่ผู้เกี่ยวข้องในฐานะร่วมกันสร้าง (ปั่นหุ้น) ในตลาดหลักทรัพย์ และถูกพนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีร่วมกับผู้กระทำความผิดทั้งหมดรวม 40 คน (ตามที่ชื่อปรากฏตามข่าว) ต่อศาลแพ่งลงโทษทางแพ่งให้ชำระค่าปรับในอัตราโทษสูงสุดตามกฎหมาย รวมทั้งสิ้นจำนวน 2,303,063,651.33 ล้านบาทนั้น ในข้อเท็จจริงตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในทางคดีปั่นหุ้นไม่ได้เป็นผู้ถูกพนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีร่วมกับผู้กระทำความผิดทั้งหมดรวม 40 ราย (ตามที่ชื่อปรากฏตามข่าว) และต้องร่วมชดค่าปรับทั้งสิ้น จำนวน 2,303.065,651.33 ล้านบาทแต่อย่างใด
หลังจากที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวออกไป ทำให้ได้รับผลกระทบในทั้งด้านครอบครัว การงานและทางชื่อเสียงเสียหายอย่างหนัก บุดคลภายนอกต่างวิพากษ์วิจารณ์ โดยไม่มีการเชิญให้ตนเองเข้าชี้แจงหรือสอบถามข้อเท็จจริงแต่อย่างใด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news