คลัสเตอร์ โรงงานแปรรูปเนื้อไก่ สระบุรี ติดเชื้อโควิด สะสมกว่า400ราย – ล็อกดาวน์ 6 ตำบลเขาย้อย วันแรก สแกนคนห้ามเข้า-ออกพื้นที่
นายพลวรรธน์ เทียนชัยมงคล ปลัดจังหวัดสระบุรี เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด โรงงานแปรรูปเนื้อไก่ ใน อ.แก่งคอย ว่า ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี ได้เร่งตรวจเชิงรุกพนักงานในบริษัทแห่งนี้ที่มี 5 พันกว่าคน ซึ่งมีทั้งคนไทยและคนต่างด้าว และตรวจพบเชื้อโควิด ไปแล้วกว่า 400 ราย
ในขณะนี้ได้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามไว้ 3 แห่ง สามารถรองรับผู้ป่วยได้ทั้งสิ้น 750 ราย และได้ทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง กับบริเวณที่จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ซึ่งประชาชนโดยรอบพื้นที่มีความเข้าใจเป็นอย่างดี พร้อมกันนั้น ได้มีการตรวจเชิงรุกโรงงงานขนาดใหญ่ๆ ที่มีกว่า 10โรงงานอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี รายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 ล่าสุด ว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 87 ราย แบ่งเป็น 72 ราย ที่ติดเชื้อในโรงงานใน อ.แก่งคอย ทำให้ยอดสะสม 462 รายแล้ว ส่วน 14 ราย มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้านั้น และ 1 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค และถ้ารวมผู้ป่วยสะสมระลอกเดือนเม.ย. ถึงปัจจุบัน 911 ราย รักษาตัว 476 ราย และหายกลับบ้านแล้ว 296 ราย
กรมอนามัย แนะอย่าตื่นตระหนกโรงงานแปรรูปไก่ติดโควิด-19 ย้ำไก่กินได้ ต้องปรุงสุก – ล้างมือก่อนปรุง
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากกรณีพบการระบาดของโควิด-19 ภายในโรงงานแปรรูปเนื้อไก่สระบุรี ติดเชื้อโควิด-19จำนวน 391 ราย จากการตรวจเชิงรุกแล้ว 2,299 คน จากจำนวนพนักงานทั้งสิ้น 5,862 คนส่งผลให้ประชาชนบางกลุ่มมีความวิตกกังวลต่อการบริโภคเนื้อไก่ในช่วงนี้
ซึ่งที่ผ่านมาข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ยังไม่พบหลักฐานที่แสดงว่า กระบวนการปรุงประกอบทําให้มีการแพร่เชื้อโควิด-19 ส่วนข้อมูล ขององค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ระบุว่าความเสี่ยงจากการติดเชื้อผ่านทางอาหารและภาชนะบรรจุอาหารนั้นมีค่อนข้างต่ำ แม้ว่าจะมีรายงานพบผู้ป่วยจากโรงงาน หรือสถานประกอบการผลิตอาหาร แต่ยังไม่มีหลักฐานแสดงว่า เชื้อไวรัสผ่านมาถึงผู้บริโภคโดยผ่านอาหาร หรือบรรจุภัณฑ์ จากโรงงานที่มีคนงานติดเชื้อ
ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ประชาชนควรเลือกซื้อไก่จากแหล่งที่เชื่อถือได้ และก่อนนำไก่ดิบมาปรุงประกอบอาหารต้องล้างให้สะอาดก่อน โดยเฉพาะภายนอกบรรจุภัณฑ์ก่อนนำมาเก็บ หรือเตรียมปรุงเพื่อกำจัดคราบไขมัน สิ่งสกปรกที่ติดมาออกไป ถ้ามีมากควรล้างด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำสะอาด แล้วจึงนำมาชำแหละเอาส่วนต่าง ๆและกระดูกที่ไม่ต้องการออก เพื่อนำมาปรุงสุก โดยใช้ความร้อนสูงกว่า 70 องศาเซลเซียส ในเวลาไม่น้อยกว่า 5 นาที เป็นการทำลายเชื้อโรคต่าง ๆ รวมถึงเชื้อโควิด-19ได้ด้วย
แต่หากซื้อเนื้อไก่แช่แข็งผ่านทางออนไลน์ ต้องสังเกตบรรจุภาชนะห่อหุ้มด้วยพลาสติกแช่เย็น ป้ายที่บอกวันเดือนปีที่ผลิตและวันเดือนปีที่ควรบริโภค
สำหรับการเก็บเนื้อไก่ดิบนั้น หากซื้อมาประกอบอาหารแล้ว แต่ใช้ไม่หมด ควรเก็บในอุณหภูมิ 0-5 องศาเซลเซียส ซึ่งจะเก็บได้นาน 3-5 วัน หรือเก็บในช่องแช่เย็นที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส จะเก็บได้นาน 12 เดือน
ส่วนอาหารปรุงสุกที่เก็บไว้นานกว่า 2 – 4 ชั่วโมง ควรนำมาอุ่นร้อนก่อนทุกครั้งในมื้อต่อไป และควรล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ และน้ำทุกครั้งก่อน และหลังปรุง ก่อนกินอาหาร และหยิบจับ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ปาก จมูกและตา เพื่อสุขอนามัยที่ดี
ล็อกดาวน์ 6 ตำบลเขาย้อย วันแรก “ตั้ง 17 จุดตรวจ” สแกนคนห้ามเข้า-ออกพื้นที่ ตร.เพชรบุรี จัดกำลัง 13 โรงพัก ร่วมบูรณาการ
พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการบูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดูแลพื้นที่ อ. เขาย้อย จ.เพชรบุรี หลังคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเพชรบุรี มีคำสั่งล็อกดาวน์ ห้ามเข้า-ออกจากพื้นที่ 6 ตำบลใน อ.เขาย้อย รวม 14 วัน ว่า ตำรวจ ร่วมกับ ทหาร อสม.และหน่วยงานท้องถิ่น ในการตั้งจุดตรวจ 17 จุด โดยรอบ เพื่อไม่ให้เข้าออกพื้นที่อย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้ ในส่วนของตำรวจ ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ในการนำอาหารไปส่งตามจุดต่าง เพื่อส่งต่อไปยังจุดที่มีการกักตัว ตามหอพัก แฟลต หรือชุมชนต่างๆ และชุดเคลื่อนที่เร็วของ สภ.เขาย้อย จะประจำอยู่ที่ รพ.สนาม 2 แห่ง หากมีความจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ไปทำการ X-ray ก็จะนำรถสายตรวจในการส่งต่อผู้ป่วย ส่วนรถตรวจเชื้อพระราชทาน 4 คัน ที่ใช้ในการตรวจหาเชื้อเชิงรุกในพื้นที่ชุมชน ตำรวจจะเป็นคนขับรถตรวจเชื้อพระราชทานทั้ง 4 คัน
สำหรับกำลังตำรวจที่นำมาใช้ในการปฏิบัติงานครั้งนี้ จะใช้กำลังจากทั้ง 13 โรงพักในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ในการสับเปลี่ยนกันมาดูแลประชาชนตลอด 24 ชม.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news