ถือเป็นความหวังครั้งใหญ่ของรัฐบาล กับการ Kick Off ฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบปูพรม พร้อมกันทั่วประเทศ 7 มิ.ย. ตามโรดแมป “วาระแห่งชาติ” ที่ต้องการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากร 70% หรือราว 50 ล้านคน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
แน่นอนว่า “อีเว้นท์ใหญ่” ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ และ ศูนย์ฉีดวัคซีนผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่สนามกีฬาไทย – ญี่ปุ่น ดินแดง ซึ่งถือเป็นสถานที่ไฮไลท์สำคัญของ “อีเว้นท์ใหญ่” ในวันนี้
นักวิเคราะห์ มองว่า ทุกอย่างอยู่ที่ความเชื่อมั่น ถ้าโรดแมปรัฐบาลที่ตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ได้ 15 ล้านโดสต่อเดือน หรือประมาณเดือนละ 11% ของประชาชนทั้งหมด / เดือน เริ่มตั้งแต่เดือน มิ.ย. นี้ ไม่สะดุด “วัคซีน” มาตามแผน ย่อมเพิ่มโอกาสการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งปากท้องของประชาชนเป็นเดิมพัน
- กทม.พร้อมฉีดวัคซีนโควิด25จุดนอกรพ.พรุ่งนี้
- มธ.รังสิตเตรียมสถานที่พร้อมฉีดวัคซีน 7มิ.ย.พร้อมกันทั่วปท.
- เดินหน้าวัคซีนได้ตามแผนศก.ไทยไปต่อ
- ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อพร้อมลุยฉีด7มิ.ย.วันละหมื่น
- เช็กเลย….จุดฉีดวัคซีนอยู่ไหนบ้าง
- โควิดโรงงานบานไม่หยุด..จะสุดเมื่อไหร่
ในมุมมอง เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายดนุชา พิชยนันท์ ฉายภาพเศรษฐกิจหลัง 7 มิ.ย. ไว้อย่างสนใจ โดยเขามองว่า ทุกอย่างจะเริ่มดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามมีความเป็นห่วงเกี่ยวกับ ข่าวปลอมที่เกี่ยวกับวัคซีนโควิดซึ่งมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น
“วันที่ 7 เริ่มฉีดปูพรมทั่วประเทศ แล้วก็วัคซีนเข้ามาตามตาราง แล้วฉีดได้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าตัวเศรษฐกิจน่าจะเปิดให้มีกิจกรรมอะไรต่ออะไรได้มากขึ้น เพราะว่าถ้าวัคซีนอย่างแอสตราเซเนกา พอเข็มแรก ก็จะมีภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้ค่อนข้างเยอะ ตามที่ข้อมูลทางการแพทย์ เพราะฉะนั้นถ้าช่วงสองเดือนข้างหน้า ปูพรมฉีดเข็มแรกให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่ระบาดตอนนี้ ตัวกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เคยชะงักอยู่ก็น่าจะเปิดแล้วก็ขับเคลื่อนไปได้ ทีนี้ต้องดูไปประมาณสองอาทิตย์ สามอาทิตย์ ว่า การฉีดเป็นอย่างไร”
และเมื่อถามเลขาธิการสภาพัฒน์ ต่อว่า เศรษฐกิจไทยจะกลับมาเหมือนช่วงก่อนเกิดโควิดคือปี 2562 ได้เมื่อไรนั้น ตำตอบที่ได้ น่าสนใจ
“การที่เศรษฐกิจจะกลับมาเหมือนกับก่อนโควิด มีหลายปัจจัย คือ ก่อนโควิดโครงสร้างเศรษฐกิจเรา อยู่ที่การท่องเที่ยวเยอะประมาณ 20% เป็นเรื่องของการท่องเที่ยว ทีนี้รายได้การท่องเที่ยวในช่วงปีนี้หรือปีหน้า อาจจะยังไม่เข้ามา เหมือนเดิมหรอก เพราะว่าตัวเศรษฐกิจขนาดใหญ่ อย่างที่เป็นคู่ค้าสิ่งที่เป็นตลาดเรา อย่างจีนที่เป็นตลาดท่องเที่ยวหลักของเราที่คนเขาเข้ามากันเยอะๆ เขาฉีดวัคซีนไปเยอะแล้วก็จริงนะครับ แต่ก็ยังไม่ปล่อยให้คนออกมานอกประเทศ เพราะฉะนั้น ถ้าเราบอกว่าจะกลับมาเหมือนปี 62 อีกเมื่อไหร่ ผมว่าน่าจะอีกสักปีหน้าไปแล้ว เพราะว่าถ้าวัคซีนฉีดกันเยอะแล้วมีการเปิดให้มีนักท่องเที่ยวออกมา เศรษฐกิจไทยก็น่าจะเดินไปได้ แต่ว่าในปีนี้ สิ่งที่ต้องเร่งฉีดวัคซีนในปีนี้ คือเพื่อจะให้มันเกิด กิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศเพื่อมาค้ำตัวเศรษฐกิจเอาไว้ และอีกส่วนหนึ่งคือเรื่องเร่งฉีดเพื่อให้ภาคการผลิต หรือว่าภาคการผลิตที่เป็นภาคส่งออกไม่กระทบ จากเรื่องการระบาดเพราะว่าตอนนี้ภาคการส่งออกกำลังไปได้ดีมาก มันจะเป็นตัวเครื่องยนต์อีกตัวนึงที่จะมาช่วยเศรษฐกิจไทยเดินไปข้างหน้าได้ในช่วงปีนี้”
จากนี้ต่อไปต้องติดตามการปูพรมฉีดวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน เศรษฐกิจไทยก็จะฟื้นตัวตามความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news