“สุนารี” หวิดเลิกสามีเพราะโควิด ฝ่ายชายงอน โอดร้านปิด แต่ไม่ทิ้งลูกน้อง
เป็นอีกหนึ่งคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบแรก เรียกว่ากลัวมากจนระแวงไปหมดจริงๆ สำหรับสุนารี ราชสีมา จนเคยมีข่าวว่าหวิดเลิกสามีฝรั่ง วาวเตอร์ เพราะระแวงและกลัวโควิดมากจนฝ่ายชายแอบงอนและน้อยใจ โดยล่าสุดในงานแถลงข่าว “การจับกุมผู้ปลอมแปลงสินค้า Dr.JiLL G5 Essence Plus” สุนารีก้ได้เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมเผยถึงธุรกิจร้านอาหารที่ต้องสะดุด เพราะโควิด แต่ยันไม่ทิ้งลูกน้อง
“ กลัวค่ะกลัว แต่ก็ไม่ใช่ว่ากลัวแบบไม่มีสตินะ ก็คือมีสติ ไปไหนก็จะพกแอลกอฮอล์ แมสก์ก็จะเปลี่ยนวันละหลายๆรอบ คือ แอลกอฮอล์จะต้องมีอยู่ทุกที่ ทุกกระเป๋า เผื่อกันลืมและรถทุกคันก็จะมีสเปรย์อยู่ตลอด เวลาจอดรถก่อนจะเข้าบ้านก็ฉีดพวกรองเท้าหรือก่อนนอนถ้าอาบน้ำเสร็จ เราก็จะฉีดแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้ออีกทีนึง ถ้าเวลาไปต่างจังหวัด แต่ตอนนี้ไม่ได้ไปต่างจังหวัดมันจะมีช่วงโควิดช่วงแรกช่วงมันเครียดจัดจริงๆเพราะเรายังไม่รู้ว่าจะอยู่กับมันยังไงก็แวะข้างทาง ยอมเป็นเชื้อรา(หัวเราะ) แต่ตอนนี้รอบ 2 รอบ 3 เราก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันได้รู้ว่าต้องปรับตัวเองยังไงเพื่อเซพเราและเซฟสังคมแต่ว่าตอนแรกเรากลัวจัดเราก็ไม่รู้ว่าเราจะต้องทำอย่างไร จะต้องอยู่แบบไหน ตุนอาหารเยอะแยะไปหมด คิดเยอะ ตอนนี้มันก็ไปไหนไม่ได้อยู่แล้วก็จะทำอาหารกินเองอยู่ที่บ้าน แต่พี่จะเป็นหน่วยกล้าตายคนเดียวที่ออกไปซื้ออาหาร ไปทีก็ซื้อเก็บไว้ เพราะเราเป็นครอบครัวใหญ่ และเราก็มีลูกน้องด้วย เราทำอาหารขาย เราทำผลิตภัณฑ์ขาย เราจะเซฟลูกน้องมาก ไม่ให้เขาออกเพราะว่าถ้าเกิดติดมามันจะเกิดผลกระทบทุกอย่างธุรกิจเราด้วย”
เผยระแวง “วาวเตอร์” กลัวติดโควิด หลังเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ จนฝ่ายชายงอน
“ อันนั้นรอบแรกเลยคือวาวเตอร์เขาไปต่างประเทศมา เราก็ฉีดเขาตั้งแต่สนามบิน เขาก็นอยด์นิดนึงเพราะเขาไม่รู้จริงๆว่าบ้านเราเริ่มรุนแรงแล้ว คืองอน ไม่ได้ถึงขนาดนั้น แต่เราก็คิดง่าถ้าเขาไม่เข้าใจเรื่องนี้ พูดง่ายๆว่า ถ้ามึงจะไม่อยู่กับกูก็ไม่ต้องวะ (หัวเราะ) เหมือนประมาณนี้ แต่สุดท้ายเราก็มีเทคนิคทำให้เขารู้ เราไม่สามารถอธิบายทุกอย่างกับเขาได้ เพราะภาษาเราก็ไม่เก่ง เราก็ใช้วิธีการรับหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษมาให้เขาอ่านไม่เกิน3วัน เขาก็รู้เขาก็ถามหาแมสก์แล้ว แต่ตอนนี้เขาโอเค ไม่ออกไปไหนเลย ตอนนี้ทุกคนอยู่แต่บ้าน อยู่ร้านเรา ช็อปเรา อยู่กับสิ่งที่เราต้องทำงาน จริงๆวาวเตอร์เราต้องกลับบ้านปีละครั้งและครอบครัวเขาจะมาปีละ 2 ครั้ง แต่ปรากฏว่าจะ 2 ปีแล้วไม่ได้ไปเลย ก็มีนอยด์เหมือนกันนะ แต่เข้าใจได้ค่ะ เพราะไปแล้วมันไม่เซฟก็ต้องทนค่ะ ที่นู่นรู้สึกว่าเขาดีขึ้นนะคะ เหมือนเขาฉีดวัคซีนกัน แต่เขาก็ยังมาไม่ได้ เราก็ยังไม่มีแพลนจะไป เพราะทุกอย่างอยู่ที่โควิดนี่แหละ ถ้าทุกอย่างมันเคลียร์และสามารถเดินทางได้ ก็ค่อยว่ากัน ครอบครัววาวเตอร์ไม่มีใครเป็นอะไรค่ะ”
ส่วนเรื่องธุรกิจร้านอาหารที่เปิดไปแต่ได้รับผลกระทบจากโควิด ทำให้ต้องปิดอย่างไร้กำหนด สุนารีได้เปิดเผยว่า…
“ของพี่เปิดร้านได้เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เปิดแปบเดียวก็ต้องปิด แต่จริงๆเขาก็ให้เปิด เพราะเรามีมาตรการในการดูแลใช่ไหมคะ แต่ทีนี้เราก็กลัวพลาด เกิดมาติดแล้วจะเสียหายไปใหญ่ ตอนนี้ร้านก็ยังปิดอยู่ แต่ใช้ร้านเป็นสต๊อกเก็บปลาร้าขวด เพราะไม่มีปัญหา ก็เอามาสต๊อกไว้ที่นี่ ถึงเวลาก็เอาส่งลูกค้า ปลาร้าขายดีค่ะ ถ้าถามว่าจะกลับมาเปิดร้านอาหารอีกไหม ถ้าโควิดดีขึ้นก็เปิดค่ะ เพราะพี่เช่าที่เขาแล้ว เฮียน่ารักมากลดให้เดือนหนึ่งเกือบครึ่งค่ะ ไม่ได้ถึงกับเช่าทิ้งเพราะเราก็ยังได้ใช้เป็นที่เก็บของ ลูกน้องมี 10 คนก็ยังอยู่ ยังจ่ายเงินเดือนครบอยู่”