เพื่อนบ้านรั้วติดกันดวลปืนสนั่นซอยเพิ่มสิน
อดีตข้าราชการรถไฟ ยิงปืนใส่เพื่อนบ้านรั้วติดกัน ซอยเพิ่มสิน ถูกยิงสวนสาหัส ตร. แจ้งข้อทั้ง 2 ฝ่าย
ผู้สื่อข่าวมีรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. พ.ต.ต.สาธิต เผ่าแก้ว สว.(สอบสวน) สน.สายไหม ได้รับแจ้งเหตุ เพื่อนบ้าน ยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 2/198 ต่อเนื่อง 2/199 ภายในซอยเพิ่มสิน 34 แขวงคลองถนน เขตสายไหม จึงเข้าตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบ นายบัญชา แสงทอง อายุ 64 ปี อดีตข้าราชการการรถไฟฯ ถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม. เข้าที่ท้องบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่ง รพ.ภูมิพลฯ นอกจากนี้ยังพบ นายวัลลภ ภูลาด ผู้ก่อเหตุ ยืนรอมอบตัวกับตำรวจพร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม. ที่ใช้ก่อเหตุ
โดยเหตุการณ์ทั้งหมด ภาพจากกล้องวงจรปิดของบ้านตรงข้าม สามารถบันทึกไว้ได้ จะพบว่า นายบัญชา พร้อมด้วยผู้หญิงคนหนึ่ง ขณะลงจากรถยนต์ที่จอดหน้าบ้าน และลักษณะท่าทางเหมือนมีปากเสียงกับภรรยาของนายวัลลภ ที่อยู่บ้านติดกัน ก่อนที่หญิงสาวที่มากับนายบัญชา ลงจากรถแล้วเข้าไปในบ้านพร้อมกับหยิบอาวุธปืน ออกมาส่งให้นายบัญชา จากนั้นนายบัญชา ได้ยิงปืนใส่ภรรยานายวัลลภ จากทางด้านหลัง 2 นัด ก่อนที่นายวัลลภ ซึ่งอยู่ในบ้านจะยิงปืนสวนออกไป 1 นัด ทำให้นายบัญชาล้มลงกับพื้นทันที
ทั้งนี้ จากการสอบถามเพื่อนบ้าน ต่างให้การไปในทางเดียวกันว่า นิสัยของนายบัญชา ไม่ค่อยถูกกับคนในซอย เนื่องจากเป็นคนดุ ใครมองหน้าจะถูกด่าหาเรื่อง เมื่อ 2 ปีก่อนคนในซอยเคยรวมตัวเข้าแจ้งความเอาผิด เพราะนายบัญชาละเมิดสิทธิติดกล้องวงจรปิดดูเพื่อนบ้านในซอยและนำภาพไปโพสต์ลงโซเชียล
ทางด้าน พ.ต.อ.อำนาจ กาหลง ผกก.สน.สายไหม เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตำรวจสามารถจับกุมตัวนายวัลลภ ที่รอมอบตัวในที่เกิดเหตุไว้ได้ ก่อนนำตัวมาสอบปากคำ
ส่วน นายบัญชา ขณะนี้ยังพักรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ในโรงพยาบาล ยังไม่พร้อมที่จะให้การต้องรอให้เจ้าตัวหายดีก่อนจึงจะทำการสอบปากคำ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้พยานหลักฐานสำคัญเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นแจ้งข้อหา ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต แก่นายบัญชา ไว้ก่อน ส่วนจะแจ้งข้อกล่าวหาใดเพิ่มเติมต้องรอสอบปากคำนายบัญชา ส่วนนายวัลลภ ได้แจ้งความกลับนายบัญชาในข้อหา พยายามฆ่า หลังใช้อาวุธปืนยิงใส่ภรรยาตัวเองก่อน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news