“วิโรจน์”ชี้ปชช.กลัว”ล็อกดาวน์”-จี้เร่งหาPfizer
‘วิโรจน์” ชี้ประชาชนกลัว ‘ล็อกดาวน์’ เพราะรัฐบาลไม่เคยเหลียวแล จี้เร่งหา Pfizer ให้หมอ ท้านายกฯเปิดวันที่ลงนาม กระตุ้น แนะทางออก ตรวจเชิงรุก- Home Isolation
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล และส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวถึงความเห็นและข้อเสนอต่อสถานการณ์การล็อกดาวน์หรือมาตรการเข้มงวดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า สถานการณ์ปัจจุบัน หมอพยาบาล 1 คนต้องดูแลผู้ป่วยอย่างน้อย 30 คน และต้องทำงานวันละอย่างน้อย 16 ชั่วโมง ต่อเนื่องมาสามเดือนแล้ว เดิมเพดานของผู้ติดเชื้อแต่ละวันอยู่ที่วันละ 3,000 คนโดยประมาณ ปัจจุบันได้ขยับเพดานมาที่วันละ 4,000 คน และขณะนี้แนวโน้มผู้ติดเชื้อรายใหม่มีมากกว่าผู้รักษาหาย ซึ่งมีรายงานว่าแพทย์ พยาบาล และบุคลากรด่านหน้าทยอยติดโควิดมาเป็นระยะ ทั้งที่ได้วัคซีนซิโนแวคครบสองเข็มและอยู่ในเวลาที่ภูมิควรขึ้นเต็มที่แล้ว จึงทำให้ขีดความสามารถในการดูแลผู้ป่วยถูกลดลงไปเรื่อยๆ เพราะบุคลากรต้องทยอยพักรักษาตัวเนื่องจากติดโควิด ทำให้ขวัญและกำลังใจย้ำแย่ไปด้วย
นายวิโรจน์ ยังยืนยันว่า สถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพ ถ้ารัฐบาลรู้จักหน้าที่ในการทำงาน สถานการณ์จะไม่เลวร้ายเพียงนี้ หากรัฐบาลเตรียมความพร้อม แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากก็ไม่น่าจะเกินขีดความสามารถที่จะรับมือ ที่ผ่านมางบสาธารณสุข 45,000 ล้านบาท ที่กันมาจากงบประมาณเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท รัฐบาลเบิกจ่ายไปเพียง 9,556 ล้านบาท หรือแค่ 21% เท่านั้น
อีกทั้งการฉีดวัคซีนยังล่าช้า ประชาชนถูกลอยแพเป็นจำนวนมาก เชื่อว่าระบบการจัดการฐานข้อมูลยังคงมั่ว ยิ่งให้โรงพยาบาลกำหนดวันนัดหมายใหม่ได้เองโดยระบบฐานข้อมูลยังไม่ได้ทำให้เชื่อมโยงกันระหว่างระบบการจองคิวลงทะเบียนกับฐานข้อมูล MOPH IC กระทรวงสาธารณสุข ยิ่งจะทำให้ระบบฐานข้อมูลเกิดปัญหาและสร้างปัญหาให้กับการฉีดวัคซีนของประชาชนมากขึ้น เรื่องนี้พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้เร่งจัดการฐานข้อมูลให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นจะเกิดปัญหาสะสมและผู้เดือดร้อนก็คือประชาชน
โดยนายวิโรจน์ ยังกล่าวว่า ต้องเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการใช้วัคซีนซิโนแวคโดยเร็วที่สุด เนื่องจากรัฐบาลยังยืนกรานจะจัดซื้ออีก 28 ล้านโดสและไม่มีทีท่าว่าจะยุติการจัดซื้อหรือหันไปซื้อวัคซีนที่มีประสิทธิภาพกว่า ทั้งที่มีข้อท้วงติงจากผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการในประเด็นประสิทธิภาพวัคซีน
รวมถึงรัฐบาลต้องชี้แจง คือ เหตุใดการส่งมอบวัคซีน Pfizer จำนวน 20 ล้านโดส จึงถูกเลื่อนไปส่งมอบไตรมาส 4 ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีชี้แจงกับประชาชนว่ามีการเจรจาตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. ซึ่งการส่งมอบล่าช้าสวนทางกับประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ที่สั่งซื้อไป 50 ล้านโดส และ 40 ล้านโดส ซึ่งทั้งสองประเทศแถลงว่าจะทยอยส่งมอบตั้งแต่เดือน ส.ค.เป็นต้นไป ข้อสงสัยนี้รัฐบาลควรเปิดเผยว่าวันที่รัฐบาลลงนามกับ Pfizer เป็นวันที่เท่าไหร่ และเหตุใดจึงถูกเลื่อน ซึ่งวันที่ลงนามในการสั่งซื้อไม่ใช่เรื่องความลับใดๆที่ประชาชนไม่อาจรู้ได้เลย
ทั้งนี้การล็อกดาวน์กรุงเทพ ถ้าอยู่ในสถานการณ์วิกฤติจริงๆ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ซึ่งความจริงหลีกเลี่ยงได้หากรัฐบาลใช้งบประมาณ 45,000 ล้านบาทเพื่อเตรียมตัวให้ดีกว่านี้ แต่เมื่อเลี่ยงไม่ได้ก็ควรชี้แจงและเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดเพื่อชี้แจงให้ประชาชนได้เห็นถึงความจำเป็น และที่สำคัญที่สุดคือมาตรการล็อกดาวน์ต้องควบคู่กับมาตรการเยียวยาอย่างสมเหตุสมผลให้ผู้ประกอบการ SMEs โดยเฉพาะการเยียวยาค่าเช่าตามจำนวนวันที่มีการล็อกดาวน์
นอกจากนี้ รัฐบาลต้องมีความชัดเจนว่าจะดำเนินการอะไรช่วงที่มีการล็อกดาวน์ เพื่อให้มีส่วนร่วมและรู้ว่ารัฐบาลจะทำอะไร หากไม่ชัดเจนจะเป็นความสูญเปล่าและสูญเสียต่อประชาชนอย่างไม่ควรจะเกิด ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งตรวจเชิงรุก โดยการพบผู้ป่วยเป็นข่าวดีไม่ใช่ข่าวร้ายเพราะหมายถึงได้นำเอาผู้มีอาการเบามารักษา ลดการเสียชีวิตรักษาชีวิตประชาชนไว้ได้เพิ่ม ขณะเดียวกันยังเป็นการควบคุมการระบาดไม่ให้ไปยังสังคมและคนที่พวกเขารัก นอกจากนี้รัฐบาลควรเร่งมาตรการให้ประชาชนมีอาการไม่มากนักหรือไม่มีอาการสามารถกักตัวรักษาตัวที่บ้าน หรือ Home Isolation ได้ โดยมีระบบรายงานความคืบหน้าให้แพทย์เจ้าของไข้ทราบ มีระบบฉุกเฉินมารับเมื่อมีอาการหนักขึ้น มีระบบรักษาทางไกลที่สามารถจ่ายยาเพื่อดูแลรักษาเมื่อยังไม่หนัก และมีระบบจัดส่งอาหารเพื่อให้เขากักตัวที่บ้านได้อย่างมั่นใจมีอาหารรับประทาน
ด้าน”พิธา” ติงรัฐบาลออกมาตรการกลับไปกลับมา จี้เร่งเยียวยา 100% พร้อมเร่งหาวัคซีนอย่างน้อย 100,000 แรก ให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าโดยด่วน
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pita Limjaroenrat – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โดยระบุว่า ผมขอเสนออีกครั้ง ว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องทำวันนี้ก็คือ
1) ออกมาอธิบายว่า “ทำไม” มาตราการถึง “กลับไป กลับมา” และ “ฉับพลัน” แบบนี้อธิบายตั้งแต่ ทำไมจะเปิดประเทศภายใน 120 วัน, อธิบายว่าอาทิตย์ที่แล้ว ทำไมคลายล็อก, อธิบายว่าเมื่อคืน ทำไมล็อกอีกครั้ง และอธิบายว่าทำไมต้องฉับพลัน ไม่ให้เวลาหมุน stock กลับไปเป็นเงินสดเลย
2) ต้องเร่งเยียวยา 100% อย่างไร้เงื่อนไข ใน 2 ระดับ คือ ระดับบุคคล ในฐานะพลเมืองไทย ชดเชยเป็นเงินสด, ทำ Government kitchen, food bank, food drive และ food stamp ทุกเขต ช่วยเหลืออาหาร น้ำ และ ยา ให้คนที่ยอมเสียสละ Lock down, ลดค่าไฟ ค่าน้ำ ชะลอหนี้ ( expense & debt holiday) ระดับธุรกิจชดเชยค่า stock, ช่วยค่าคนงาน, ช่วยค่าเช่า, รัฐบาลต้องมาเป็นคน จ้าง รับซื้อ วัตถุดิบ สินค้า ข้าวกล่อง จากร้านอาหารที่ปรับตัว delivery ไม่ได้เสียเอง ช่วยหมุนเงินคืนให้ SMEs แล้วกระจายส่งให้คนที่ยอมเสียสละล็อคดาวน์ตามชุมชนต่างๆ ทั่วพื้นที่ (govt food drive), ออกมาตราการยกเว้นภาษีให้เจ้าของที่ดิน เจ้าของอาคาร ที่ลดค่าเช่าให้ร้านอาหาร สามารถมาลดภาษีได้ที่หลัง จูงใจให้ลดค่าเช่า (rent freeze) และลดค่าไฟ ค่าน้ำ ชะลอหนี้ ( expense & debt holiday)
3) รัฐบาล ล็อกดาวน์คลัสเตอร์ไหน ก็อนุมานได้ว่าคลัสเตอร์นั้นมีความเสี่ยง รัฐบาลล็อคดาวน์ให้ไม่เสียของ ต้องปูพรมตรวจด้วย Antigen Rapid Test บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อแยกตัวออก และลดความทวีคูณของการติดเชื้อ
4) เร่งหา วัคซีนคุณภาพ อย่างน้อย 100,000 แรก ให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าโดยด่วน ผ่านสถานทูตสหรัฐอเมริกา ถ้าปราการด่านสุดท้ายพังทลายลง ประเทศเราจะพังทั้งประเทศ พวกเขาเสียสละเพื่อพวกเรามามากแล้ว เราต้องเสียสละให้พวกเขาก่อน
ทั้งหมดนี้อย่างไรเราต้องหวังว่า สิ่งที่ผมแนะนำไปว่ารัฐควรทำจะเกิดขึ้นได้ ท่ามกลางความจริงอันโหดร้ายว่า รัฐบาลไทยไร้น้ำยา ไร้ความสามารถ และไม่เห็นหัวประชาชน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news