จิตดี ศรีดี เปิดใจไม่เคยรู้สึกถึงความลำบากแม้ครอบครัวไม่ได้มีเงินทองคอยจุนเจือ แต่กลับทำให้รู้สึกภูมิใจที่สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง พร้อมเผยความรักที่เริ่มจากคำเพื่อนที่มีให้กันมา 15 ปี จนตอนนี้สถานะคือสุดที่รัก
คือคำพูดติดปากที่ทำให้คนทั้งประเทศจดจำ จิตดี ศรีดี ผู้ประกาศข่าวจากรายการ ทุบโต๊ะข่าว ได้เป็นอย่างดีไม่ใช่เพราะเธอไม่มีอะไรจะพูดหรือไม่มีความคิดความอ่านแต่อย่างใด ในทางกลับกัน สิ่งที่คนดูประทับใจในตัวเธอคือการเป็นลูกคู่ที่ดีเยี่ยมของพิธีกรฝีปากกล้า พูดในจังหวะที่ควรพูดและทำให้รายการดูกลมกล่อมขึ้น จากไหวพริบและความอดทนของตัวเธอเองตลอด 7 ปีที่ผ่านมา เมื่อได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เปิดใจทุกเรื่องราวในชีวิตตั้งแต่ในวัยเด็กไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองลำบากถึงแม้ครอบครัวไม่ได้มีเงินทองให้ แต่รู้สึกภูมิใจที่ทำให้ตัวเองได้ประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง พร้อมเผยความรักที่ขยับจากคำว่าเพื่อนที่มีให้กันมา 15 ปี ตอนนี้อยู่ในฐานะ แฟน
ถาม ก่อนที่จะเข้ามาเป็นผู้ประกาศข่าว จิตดี คือมีวงโปงลางเป็นของตัวเองด้วย
จิตดี : คือจริงๆเป็นของพี่ชายค่ะ เพราะว่าพื้นเพของคุณพ่อคุณแม่ เจี๊ยบ เป็นคนอีสานใช่ไหมคะ แต่เขาก็มาตั้งรกรากกันที่สามพราน (โรสการ์เดน) แล้ว เจี๊ยบ เกิดแล้วโตในสวนสามพรานและด้วยความที่ในธรรมชาติที่นั้นเขาเลี้ยงพนักงานดีมาก ดูแลดีมาก พอ เจี๊ยบ เกิดมาก็ได้คลุกคลีกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดีๆ คุณแม่ของเจี๊ยบ เป็นแม่บ้านของเจ้านายที่สวนสามพรานค่ะ ส่วนคุณพ่อก็เป็นนักแสดงเป็นศิลปะวัฒนธรรมในสวนสามพราน ซึ่งตอนนี้ไม่มีแล้วนะคะ หมู่บ้านไทย เจี๊ยบ ก็ได้เลือกตรงนี้มา 100 เปอร์เซ็นต์เลยก็ว่าได้ สิ่งที่ เจี๊ยบ ทำในวงคือ รำไห เพราะเป็นสิ่งที่เราชอบมาก และที่นี่เขาก็ดีอีกเพราะเขาจะจ้างลูกพนักงานมาฝึกดนตรีทุกเสาร์ อาทิตย์ เจี๊ยบ ก็จะมีรายได้ตั้งแต่เด็กๆเลย เราก็จะได้ ตีขิม ตีระนาด เขย่าอังกะลุง ตีกลองแขก
ถาม เราโตมาในครอบครัวถามว่าลำบากไหม
จิตดี : ถามว่าลำบากไหม ชีวิต เจี๊ยบ นะคะอันนี้คือ พ่อแม่ไม่ได้มีสมบัติพัสถานอะไรให้เลยค่ะ สร้างเองมาโดยตลอดเพราะว่าคุณพ่อเสียตอนนั้น เจี๊ยบ 10 ขวบป.4 ส่วนคุณแม่ก็ดูแล เจี๊ยบ มาตลอด ก็กินเงินเดือน เดือนต่อเดือน เดือนชนเดือน แม่ก็เลี้ยงเรามา เจี๊ยบ ก็เรียน แต่ด้วยความที่เราโชคดีเจ้านายก็ใจดีอีกค่ะส่งจน เจี๊ยบ เรียนจบม.6 ท่านก็ช่วยเหลือจุนเจือมา แล้ว เจี๊ยบ ก็สอบติดมหาวิทยาลัยที่ สงขลา ภาคใต้ เจี๊ยบ ก็กู้เงิน กยศ. เรียนหนังสือจนเรียบจบ เราก็จะหาอะไรที่มาคอยซัพพอร์ตให้ตัวเองไปได้ตลอดรอดฝั่ง
ถาม ก่อนที่จะมาเป็นรายการทุบโต๊ะข่าวที่ประสบความสำเร็จที่สุดแห่งยุคเลยทั้งสองคนเคยอ่านข่าวคู่กันมาก่อนไหม
จิตดี : เคยที่เคเบิลทีวีเป็นข่าวดึกค่ะ นั่งคู่กันเลยค่ะ แล้วเราก็เลยสร้างประวัติการณ์ข่าวดึกตรงนั้น ซึ่งเรตติ้งพุ่งยอดไลฟ์สดก็พุ่ง ซึ่ง ณ วันนั้นเราก็พูดน้อยเหมือนที่ทุกคนเห็นไม่มีการแบ่งไม่มีอะไรแล้วเราก็วางตัวด้วยความที่เราอาจจะเป็นคนช้าด้วยเป็นคนเนิบๆแล้วพี่เข้าไว ตอนแรกเราก็อึดอัดเพราะเราจับทางเขาไม่ถูกแต่พอเราอยู่ไปๆเราก็เริ่มที่จะเรียนรู้ แล้วเวลาที่เขาโยนมาใช่ไหม จิตดี เราก็ต้องงับให้ทันก็ต้องรู้ว่าเราจะต้องตอบตรงไหนบางทีเราตอบไม่ตรงเขาก็จะมีอาการ .. จิจ๊ะ อะไรอย่างนี้ซึ่งเราก็จะเกิดการเรียนรู้ว่าเราต้องทำการบ้านเยอะๆ เราก็เคยงับไม่ได้บางก็มีนะคะเพราะว่าข้อมูลมันเยอะ แต่พี่เขาคือเป็นคนที่เก่งมาก เล่าเรื่องเก่งสมมติสคริปต์ในเนื้อเรื่องเวลาใครครอบครัวหนึ่งสมมติมี 5 คนอย่างนี้ พี่เขาจะจำๆมีความสัมพันธ์กันยังไง บางทีเรางงเราอาจจะช้า แต่พี่เขาจะเร็วมากมีการวาดโดยที่พี่เขาจะมีเทคนิคของเขาค่ะ เราก็จะเห็นวิธีการทำงานทั้งหมดทั้งมวลของเขาเลยพอเราเห็นเราก็จะแอบเก็บมาใช้บ้างแต่เพราะพี่เขาไวก็จะเป็นคาแรคเตอร์ของพี่เขา ซึ่งเราเป็นผู้ตามบางทีเราอาจจะยังไม่ทันก็จะเป็นสไตล์ จิตดี ไป แต่จริงๆ เราเป็นคนที่พูดเก่งมากเพราะว่าเราเป็นคนที่ชอบพูด คุยเก่งด้วย (หัวเราะ)
ถาม อันนี้ต้องตามตรงๆ เรารู้สึกว่าเราถูกกดไหม
จิตดี : พี่เขาไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าถูกกดเจี๊ยบ นั่งตรงนั้น เจี๊ยบ รู้สึกว่าเราจะทำยังไงให้คนที่ดูเราอยู่ ดูงานของเราดูเรื่องที่เรากำลังจะเล่าเพราะเราทำงานกันเป็นทีมค่ะ ไม่เคยว่าฉันจะต้องแย่งซีนเธอหรือเธอจะต้องแย่งซีนฉัน เจี๊ยบ ไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลย ถามว่ามีบางเวลาที่เรารู้สึกน้อยใจบ้างไหม มีบางนะคะ เวลาที่เราถูกกดดันก็จะนอยด์แล้วก็พี่เขาเป็นเหมือนอัจฉริยะข่าวเขาสามารถที่จะขมวดประเด็นแล้วใช่คำพูดภาษาชาวบ้านให้คนเข้าใจง่ายในเรื่องที่ยากๆซึ่งเจี๊ยบ ว่าน้อยคนมากที่จะทำแบบนี้ได้ โดยเฉพาะภาษากฎหมายหรือข่าวอะไรที่เป็นกฏหมายทำให้เข้าใจได้ง่ายแล้วกลับกลายเป็นว่าชาวบ้านดู เลยทำให้เรายอมรับในตัวพี่เขา แต่พอเรายอมรับเขามันก็กลับกลายทำให้เรากดกันตัวเองอยากให้ตัวเองทำให้ได้อย่างเขา ต้องให้ทันพี่เขา
ถาม อันหนึ่งที่ไม่ว่าใครได้ดูแล้วอาจจะเคยเป็นเลยที่พอได้นั่งดูรายการข่าวของคุณจิตดีกับคุณพุทธแล้วโกรธแทนหรือโมโหแทน เพราะเหมือนว่าเอาใจช่วยว่าเมื่อไหร่ จิตดี จะได้พูดสักที เอาจริงๆตัวของ จิตดี ที่นั่งอยู่ตรงนั้นเคยไหมที่แบบสมมตินั่งแล้วรู้สึกว่าเราน่าจะได้พูดบ้าง
จิตดี : ก็มีบางข่าวที่เรารู้สึกเราอยากจะพูดกลับ เราอยากจะตอบกลับแต่ยังไม่มีจังหวะอย่างนี้ค่ะ เราก็จะเก็บไว้ในใจพอเก็บไว้ในใจเพราะไม่ได้พูดถูกไหมคะ แบบบางข่าวเรารู้สึกว่าเราอยากเข้าไปแหย่เขาอันนี้นะ แต่ก็ไม่ได้มีจังหวะเลยได้แต่นึกอยู่ในหัวว่าอยากเข้าไปแหย่ เขาเท่านั้นแล้วสุดท้ายพอไม่ได้ก็คือเก็บ
ถาม ร้องไห้ทุกวันหลังรายการจบ
จิตดี : เพราะว่าหลังจบรายการคือ ไม่ได้กลับบ้านเลยนะคะ แต่ว่าเราต้องมานั่งประชุมกันก่อนที่จะกลับแล้วก็ประชุมกันยาวๆแล้วก็เครียด กดดันงานผิดๆทำไมไม่อย่างนั้น อย่างงี้ เราร้องไห้เกือบทุกวัน มีอยู่วันหนึ่งจำได้เลยเข้าไปในทีมใหม่ๆก็คือ.. งงโดนด่า โดนดุเรื่องเล่าข่าวไม่ทันเราโดนดุน้ำตาตก น้ำตาคลอ ลุกจากที่ประชุมเดินไปร้องไห้ในห้องน้ำ อันนั้นเป็นตอนแรกๆเลยนะคะ ที่เป็นลูกน้องของพี่เขาแล้วพอสักพักหนึ่งตอนที่เรานั่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ เราก็ได้ยินเสียงเขาตะโกนหาเราว่าเราไปไหนไม่เห็นมาประชุม แต่เราก็นำเอาสิ่งที่พี่พุทธ ดุในที่ประชุมมาคิดเราต้องปรับปรุงตัวเอง
ถาม แต่ก็มีเหมือนกันที่น้ำตาคลอออกรายการเลย
จิตดี : ใช่ค่ะ จะมีช่วงหนึ่งที่การแข่งขันสูงมากสำหรับทีวีดิจิตอล เราก็ต้องทำการบ้านเยอะๆมันก็มีเหนื่อยบ้างล้าบ้างที่จะหละหลวมไปแล้วเราก็ต้องรับความเป๊ะๆของพี่เขาให้ได้ พอไม่ทันใจหรือผิดเข้าอย่างนี้เราโดนทุกวันๆ (หัวเราะ) แต่ที่เราน้ำตาคลอกลางรายการเพราะพี่เขาระหว่างที่เล่าจะมีอาการเหวี่ยงใส่เราพอเราโดน วันนั้นเข้าไปเรารู้สึกเสียใจรู้สึกจุกอกแล้วเล่าต่อไม่ได้เลย แล้วด้วยความเครียดที่สะสมมาด้วยอยู่แล้ว พอมาถึงจุดหนึ่งเราบอกตัวเองเลยว่าไม่เอาแล้วเราจะลาออก แล้วพอเขาส่งมาให้เราพูดเราก็ไม่พูดแล้วน้ำตาของเราก็ไหลเขาก็หันมาเห็น (ซึ่งตอนนั้นออกอากาศสดเลยค่ะ) แต่ช่วงที่เขาดุเราคือช่วงที่เบรกรายการ พอเราโดนดุเราก็ร้องไห้เสียใจ พอเขาเห็นเขาก็ยังดุอีกจะจัดไหมรายการ แล้วพี่เขาก็เล่าๆของเขาคนเดียว พอเบรกเขาก็ถามเราว่าจะเอายังไงๆเราก็บอกเขาไปว่าไม่เอาแล้วค่ะจะลาออก แล้วเขาก็เออ(น้ำตาเราก็ไหลออกรายการสด) ตอนนั้นเราก็พยายามตั้งสติให้ตัวเองเงียบสิๆจะได้ต่อข่าวพี่เขาให้ได้ แต่พูดไม่ได้จริงๆ เพราะถ้าพูดคนดูต้องจับได้แน่เลยว่าเรากำลังร้องไห้อยู่ และพอพักเบรกสุดท้าย พี่เขาก็ไม่พูดกับเราแล้วเราก็โอเคคงจบกันแค่นี้ เราคิดตอนนั้นเบรกสุดท้ายยังไงฉันต้องพูดปิดรายการ ฉันจะลาคุณผู้ชม พอเราพูดส่งท้ายเสียงเราก็สะอื้น !! ก็สวัสดีแล้วก็จบรายการไป หลังจากนั้นพี่เขาก็ลุกแล้วก็ออกไปเลยค่ะ น้องๆในทีมก็วิ่งเข้ามากอดเรา เราก็บอกไม่เป็นไรพี่ไม่ไหวแล้วไม่อยู่ล่ะ (เสียงสั่น) วันนั้น พี่เขาก็ไปนั่งรอเราอยู่ในห้องแต่งตัวแล้วก็ถามเราว่าไหนเป็นอะไร (น้ำเสียงคือเปลี่ยนไปอีกเสียงหนึ่งเลยค่ะ) เสียงอ่อนโยนเลยค่ะ เราก็บอกเขาว่า เจี๊ยบ ไม่อยู่แล้วพี่ก็ได้เคลียร์ใจกันประมาณชั่วโมงครึ่งได้ก็ได้เคลียร์ใจก็ได้เปิดอกความรู้สึกหลายๆอย่าง ซึ่งพอได้คุย เจี๊ยบ กลับเป็นคนที่ต้องเข้าใจพี่เขาว่าพี่เขาเจออะไรมาบ้างเพราะที่จะต้องแบกรายการๆหนึ่งที่เป็นรายการของช่อง แล้วพี่เขาก็เพิ่งได้รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการข่าวความรับผิดชอบพี่เขาสูงมากเยอะมาก ทำให้เราเข้าใจว่าสิ่งที่เราเจอนิดเดียวมากๆ แล้วพี่เขาก็ขอโทษ เราตอนนั้น
ถาม แต่ครั้งหนึ่งต่อให้เป็นผู้ประกาศข่าวคนหนึ่งที่ร้องไห้ทุกวันรู้สึกว่าทำไมเราไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจเราอยากจะต้องทำ แต่วันหนึ่งความภูมิใจที่เกิดขึ้นคือการได้รับรางวัลในสาขาอาชีพที่เป็นฝันของ จิตดี
จิตดี : ใช่ค่ะ เจี๊ยบ ก็ไม่นึกเหมือนกันนะคะ ว่าจะมีคนเห็นจะมีคนรู้จักรายการทุบโต๊ะข่าว อันนี้ดีใจมากโดยเฉพาะรางวัลแรกคือ เจี๊ยบ ได้รับรางวัลผู้ประกาศหญิงที่สุดแห่งปี Daradaily Award ปี 2017 ดีใจมากเป็นรางวัลแรกกับอาชีพนี้ที่เรารู้สึกว่าเราภูมิใจมีคนเห็นรายการเราแล้วก็พี่พุทธ เซอร์ไพรส์เราอีกมอบช่อดอกไม้กลางรายการซึ่งเขาไม่เคยทำดุมาตลอดแต่ก็มีโมเมนต์ที่น่ารัก
ถาม เราพูดถึงชื่อ คุณพุทธ มาตั้งแต่ต้นและคิดว่าเขาคงดูเราอยู่ตลอดอยากบอกอะไรกับ คุณพุทธ บ้าง
จิตดี : เจี๊ยบ อยากจะบอกพี่พุทธ นะคะ ถึงแม้ว่าตอนนี้เราก็ยังเป็นทีมเดียวกันอยู่นะคะ พี่เขาก็ให้โอกาส เจี๊ยบ มาโดยตลอดเรียกชื่อคุณจิตดี จิตดี จนคนรู้จักทั้งประเทศอันนี้ถือว่าส่งน้องมาถึงจุดจุดหนึ่ง ซึ่งมันก็ส่งผลให้ชีวิตของ เจี๊ยบ มีความมั่นคงมากขึ้นชีวิตดีขึ้นและมันมาจากความอดทนของเราด้วยส่วนหนึ่ง และความรัก ความปรารถนาดีของพี่เขาเจี๊ยบ ต้องขอบคุณมากๆเลยนะคะ และ คุณกอล์ฟ ก็จะเป็นคนคอยบอกว่าถ้าเขาด่าแล้วเราได้ดีก็ให้เขาด่าไปเถอะ เขาจะพูดคำนี้ตลอดทำให้เรารู้สึกว่าในชีวิตของ เจี๊ยบ มีผู้ชาย 2 คน ที่สำคัญกับชีวิต ณ ตอนนี้ ก็คือพี่พุทธคนหนึ่งเลยที่ให้โอกาส เจี๊ยบ มาตลอดจนได้ลืมตาอ้าปากนะคะ และผู้ชายคนนี้ คุณกอล์ฟ คนนี้ที่คอยซัพพอร์ตในเรื่องหลายๆอย่าง ความรู้สึกและดูแลหลังบ้านเราและอยากจะขอบคุณพี่พุทธ นะคะ เรารู้สึกได้แม้ไม่ต้องมีคำชม ไม่มีต้องมีการแสดงอาการอะไร เราก็รับรู้ได้ว่าพี่เขาปรารถนาดีเพราะว่า จิตดี มีทุกวันนี้ได้เพราะ พี่พุทธ ค่ะ
ถาม พี่พุทธ คือ ผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้า แต่ คุณกอล์ฟ ผู้ชายคนนี้คือ คนที่อยู่เบื้องหลัง ครอบครัวว่าอย่างไรบ้างกับคนที่ดูแลเราอยู่เบื้องหลังบ้าง
จิตดี : ตอนแรกๆเขาก็กลัวเหมือนที่ทุกคนคิดนั่นแหละค่ะ แต่พอเขาพิสูจน์ตัวเองให้แม่เห็นว่าเขาดูแล เจี๊ยบ ได้ดีมากๆจนแม่บอกว่า เจี๊ยบ อย่าดุเขามากพูดดีๆกับเขาหน่อยบอกว่าอยู่ด้วยกันดีๆทำไมต้องไปพูดกับไม่ดีกับเขา
กอล์ฟ : เขาเป็นคนขี้เหวี่ยง ขี้วีน (เล่าดีๆนะ) (หัวเราะ)
ถาม ถามดีกว่าเห็นว่าจุดเริ่มต้นของความรักของทั้งคู่ที่เกิด คือ ไม่ได้เพิ่งเจอกันแต่เจอกันมานานแล้วตั้งแต่เด็กๆแต่ว่าจุดที่ทำให้ก่อให้เกิดความรักคือ คุณกอล์ฟ ทักเฟสบุ๊คไปหา จิตดี
กอล์ฟ : คือ เรารู้สึกประทับใจเขาตั้งแต่เด็กๆก็คือ 15 ปีที่ผ่านมา คือเราจะนึกถึงตอนที่เราเรียนหนังสือด้วยกันตลอดเขาก็เป็นคนกตัญญูไปรับงานรำช่วยที่บ้านตั้งแต่ตอนนั้นเด็กเลย ทำให้เราชอบเขาตั้งแต่ตอนนั้น แล้วเขาก็จะมีบุคลิกที่ต่างจากเพื่อนๆเวลาเขาแกล้งผมเราก็จะไม่กล้าเอาคืนเขาเหมือนเพื่อนคนอื่นเหมือนเขาเป็นหัวหน้าแก๊ง ตัวเล็กแต่เป็นหัวหน้าห้อง เวลามีงานกลุ่มก็จะเป็นหัวหน้ากลุ่ม
ถาม แปลว่าในระยะเวลา 15 ปี ที่ผ่านมาไม่ว่า กอล์ฟ จะไปใช้ชีวิตอะไร ทำอะไรที่ไหนก็ยังคิดถึงเขาอยู่
กอล์ฟ : ยังนึกถึงครับ แต่ว่าผมก็ไม่ได้ว่าชอบจะจีบเป็นแฟนอะไรแต่เหมือนมันติดอยู่ในใจเรา แต่ระหว่างทาง 15 ปีเราก็มีคนคุย มีแฟนนะครับ แต่ว่าถ้าตอนที่ติดต่อเขากลับไปผมโสดพอดีตอนนั้น ในระหว่าง 15 ปี ก็ยังแอบส่องเฟสบุ๊คเขาอยู่ แต่ผมไม่ได้ดูเวลาที่เขาออกโทรทัศน์เป็นผู้ประกาศข่าวนะครับ เพราะว่าเวลาที่เห็นในโทรทัศน์ผมจะเปลี่ยนช่องเพราะว่าผมไม่อยากเจอเพราะว่าผมกลัวว่าเจอแล้วจะต้องจีบ (จิตดีเขิน)
ถาม ถ้าพูดตรงๆคือเราปิ๊ง จิตดี ตั้งแต่ตอนเรียนแล้วถูกต้องไหม
กอล์ฟ : แต่เราไม่ได้คิดอะไรมากครับเพราะว่าอาจจะยังเด็กอยู่ครับ
จิตดี : มิน่าแกล้งถึงหลบตาตลอดเราก็ยิ่งแกล้งเพราะว่าสนุก
กอล์ฟ : ตอนจบเราก็มีการแลกรูปกันวันนั้นเขามองผมด้วยหางตาแล้วเขาก็ยื่นรูปให้แล้วเขาก็บอกว่าเอาไป
จิตดี : รูปเมื่อก่อนคือเอาไว้ทำสมุดเฟรนด์ชิปก่อนที่จะจบม.6 แล้วแยกย้ายกันไปใช่ไหมคะ ก็ไปถ่ายในกลุ่มของเราผู้หญิง แล้วก็จะมีรูปเดี่ยวที่จะทำเป็น 4 ช่องค่ะ เจี๊ยบ ก็จะอัดมาแล้วก็แจกเพื่อนแต่ไม่ได้ครบทั้งห้องนะคะ แต่พอมาถึงเขา เราก็อะเอาไป
กอล์ฟ : ตอนนั้นเราก็คิดว่าที่เขาให้เราเขาพอใจที่จะให้เราหรือว่าไม่ยังไง แล้วเราก็คิดไปอีกว่าหรือเขามีใจให้เราหรือเปล่า
ถาม แต่ใน 15 ปีนั้นรู้สึกว่าระยะเวลามันถูกทิ้งห่างไปยาวนาน กอล์ฟ รู้สึกที่อยากจะติดต่อ เจี๊ยบ เขาก่อนหน้านั้นไหม
กอล์ฟ : โอ้โห .. 3-4 ปี ถึงจะแชตคุยกันสักครั้งหนึ่งผมก็จะแอบดูว่าเขามีแฟนหรือยัง ผมก็ถามเรื่องแฟนเขาค
ตลอด ก็ครั้งล่าสุดก่อนที่จะตัดสินใจจีบเขาเขาก็บอกว่าเขาคบทอมอยู่นะ แต่เราก็ในมุมมองผู้ชายครับ เราก็ยังนับว่าเขา ยังโสด อยู่
จิตดี : ซึ่งแฟนคนก่อนที่เป็นผู้หญิงเขาก็เป็นคนดีมากค่ะ
กอล์ฟ : ซึ่งเราคุยกับเขาตอนที่เราคิดว่าเราจะจีบเขาแล้วเราก็บอกเขาว่าเราโสดนะ ก็ลองนึกย้อนกลับไป 15 ปีแล้วเราก็ไม่เคยเจอใครเหมือนเขาแล้วเขาก็ติดอยู่ในใจของเราเขามีเสน่ห์ เวลายิ้ม เวลาหัวเราะเราตั้งใจว่ายังไงคนที่จีบก็ต้องเป็นเขาเลยก็คือ ทนไม่ไหวแล้วคนนี้แหละ
สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป :
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news