โคราชสั่งปิดหมู่บ้านพะโคหลังพบป่วยโควิดพุ่ง

เอาไม่อยู่! โคราชสั่ง ปิดหมู่บ้าน พะโค อ.โชคชัย หลังคลัสเตอร์ 3 ครอบครัวลามติดเชื้อโควิด 17 คน

เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลกระโทก นำเต็นท์ และอุปกรณ์การตั้งจุดตรวจสกัดไปติดตั้ง ปิดทางเข้าออก 4 มุม ของหมู่บ้านพะโค หมู่ที่ 5 ต.กระโทก อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา เพื่อใช้เป็นจุดตรวจสกัดการเข้าออกของคนในหมู่บ้าน ภายหลังจากที่ทางคณะทำงานการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 อำเภอโชคชัย ได้มีมติให้ทำการปิดหมู่บ้านพะโค หมู่ที่ 5 ต.กระโทก และห้ามเข้าออกชั่วคราว เป็นระยะเวลา 14 วัน เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. วันที่ 29 มิ.ย.64 ไปจนถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 12 ก.ค. 64

ภายหลังจากที่เกิดคลัสเตอร์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ จนทำให้ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์นี้ รวมทั้งสิ้น 17 ราย ซึ่งจะทำให้ประชาชนในหมู่บ้าน ที่มีอยู่จำนวนประมาณ 400 ราย จาก 156 ครัวเรือน ต้องได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ จากรายงานของศูนย์โควิด-19 โคราช สสจ.นครราชสีมา ระบุว่า คลัสเตอร์ดังกล่าว เริ่มต้นมาจาก คู่สามี-ภรรยา อยู่ จ.นครปฐม ประกอบอาชีพค้าขาย ขายอาหารเร่ตามหมู่บ้าน พื้นที่ จ.นครปฐม โดยรับของที่ตลาดเสรีพุทธมณฑลสาย 5

วันที่ 11 มิ.ย.64 ตลาดพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สั่งปิดและให้ลูกค้าไปตรวจหาเชื้อ สามี ภรรยา คู่นี้ ได้ไปตรวจหาเชื้อที่ รพ.สามพราน จากนั้นวันที่ 14 มิ.ย. 64 ผลตรวจออก ตรวจไม่พบเชื้อ จึงเดินทางมายังบ้าน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา

วันที่ 15 – 21 มิ.ย. 64 กักตัวที่บ้าน อ.โชคชัย ในบ้านมีครอบครัว 9 คน วันที่ 22 มิ.ย. 64 ภรรยามีอาการน้ำมูกขาวใส ปวดหัว เมื่อยตามตัว ส่วนสามี มีอาการไอแห้งๆ จึงไปตรวจที่ รพ. ผลตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 ทั้ง 2 ราย โดยรักษาตัวที่ รพ.โชคชัย

ทำให้ครอบครัวของคู่สามี ภรรยานี้ ที่ อ.โชคชัย ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มจำนวน 5 ราย หนึ่งในครอบครัวนี้เป็นเด็กเล็ก ซึ่งอยู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลกระโทก และเด็กคนนี้ทำให้มีการระบาดในวงที่ 2 เนื่องจากเป็นเด็กที่งอแง แม่บ้านที่ศูนย์ฯ ซึ่งรู้จักกัน ได้มาอุ้มกอดและปลอบเด็กประจำ ทำให้แม่บ้านที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ติดเชื้อไปด้วย แล้วแม่บ้านก็ได้แพร่เชื้อไปติดคนในครอบครัวแม่บ้านอีก

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news