ตำรวจกองปราบ นำกำลังเข้าจับกุมแก๊งปล่อยกู้ดอกเบี้ยโหดออนไลน์ มีนายทุนชาวจีนเป็นเจ้าของ พบโพยรายชื่อลูกหนี้กว่า 2 พันคน หากไม่จ่ายทั้งถูกประจานข่มขู่ใช้ความรุนแรง
พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม นำหมายค้นศาลอาญาพร้อมกำลังตำรวจกองปราบปราบ กว่า 20 นาย เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น เลขที่ 86/883 ต.บางกระสอ อ.เมือง จว.นนบุรี ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านจัดสรร ซอยรัตนาธิเบศน์ 28 และมีอีก 2 คู่หา ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันสำหรับใช้เป็นที่เก็บของ โดยจากการเข้าตรวจค้นอาคารที่ใช้ก่อเหตุพบ เครื่องคอมพิวเตอร์กว่า 130 เครื่อง และพนักงานอีกกว่า 30 คน ขณะกำลังให้บริการเงินกู้ออนไลน์ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด พร้อมยึดสมุดบัญชีธนาคาร เอกสารรายชื่อลูกค้ากว่า 2,000 ราย
จากการตรวจสอบพบว่า ชั้นที่ 1 ถูกจัดวางด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์และโต๊ะทำงาน ,ส่วนชั้น 2 และ 3 จะถูกตบแต่งเป็นโซน มีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ สำหรับไว้สอนงานให้กับพนักงานใหม่ ,และชั้น 4 จะมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และพนักงานทั้งชายและหญิง 7-8 คน ที่มีความชำนาญในการทวงหนี้กับลูกค้า จากการสอบถามพนักงาน ระบุว่า ตนเองมีหน้าที่ในการทวงถามเงินกับลูกหนี้ที่มีการกู้ผ่านแอปพลิเคชันจากบริษัท ถึงความพร้อมในการชำระเมื่อครบกำหนด โดยยืนยันว่าไม่มีการข่มขู่หรือใช้ความรุนแรงเพราะปัจจุบันส่วนใหญ่ไม่สามารถติดต่อลูกหนี้ได้
ขณะที่ พนักงานอีกคน ระบุว่า ยังอยู่ในระหว่างฝึกงานติดตามทวงถามเงินจากลูกหนี้ โดยจะได้ค่าจ้างเดือนละ 10,000 บาท โดยเพิ่งมาทำงานได้เพียง 1 เดือน จึงไม่ทราบว่างานที่ทำเข้าข่ายผิดกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ตำรวจกองปราบปรามได้ติดตามพฤติกรรมของแก๊งปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหดที่มีนายทุนเป็นชาวจีน มานานกว่า 1 เดือน โดยได้มาจ้างคนไทย เช่าสถานที่และเปิดรับพนักงานทำหน้าที่ในการปล่อยเงินกู้ผ่านแอปพลิเคชัน ตลอดจนทวงถาม หากไม่ชำระหนี้ตามกำหนดหรือผิดเงื่อนไข ก็จะมีการประจานข้อมูลลูกค้าให้กับคนใกล้ชิดรับรู้เพื่อให้เกิดความอับอาย หรือบางครั้งก็จะใช้ความรุนแรงด้วยการส่งข้อความไปข่มขู่กับญาติ หรือคนรู้จัก เนื่องจากบริษัทจะมีข้อมูลพื้นฐานของผู้กู้เงิน และรายชื่อบุคคลในโทรศัพท์ของลูกหนี้ โดยการปล่อยกู้ดังกล่าวมีหลักฐานชัดเจนว่าคิดดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายฐานคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติของนายทุนชาวจีนรายนี้ พบว่าจะตระเวนเช่าสถานที่ในจังหวัดชลบุรี ,เชียงรายเพื่อกระทำผิดมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยได้มาเช่าพื้นที่จังหวัดนนทบุรีเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา หลังจากนี้ตำรวจก็จะตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมทั้งประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือ ปปง. เพื่อตรวจสอบและดำเนินคดีฐานฟอกเงินด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news