จับตา โควิดWAVE4
ผ่านไปแล้วสำหรับการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ของ ”นายกฯลุงตู่” (1ก.ค.) ที่ยอมรับว่าการเปิดจะมีความเสี่ยงแต่ต้องทำ โดย สื่อมักแปลเจตนา ”นายกฯ” ผิด บางที นายกฯพูดอะไรก็แปลเจตนารมณ์ ไปคนละเรื่อง คือนายกฯต้องทำหลายเรื่องเยอะ ประเทศหยุดนิ่งไม่ได้ อย่าให้อะไรๆมาเหนี่ยวขารั้งขา เพราะประเทศไปไม่ได้ ก่อนประกาศว่า จะทำให้ดีที่สุด จนกว่าที่จะไม่ได้ทำ โดยในการแถลงของศบค.วันนี้นอกจากรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดวันนี้ที่พุ่งไปที่ 6,087 สะสม 242,058 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 61 สะสม 2,141 คนไม่นับรวมรายงานจาก กรมควบคุมโรคที่มีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 52,052 ราย มีอาการหนัก 1,971 ราย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจจำนวน 566 ราย โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตวันนี้ 61 คน มีบุคลากรแพทย์ 4 ราย ที่การแถลงของศบค.วันนี้ “ผู้ช่วยโฆษก ศบค.” พญ.อภิสมัย ยอมรับว่า มีประชาชนที่ทำงานในพื้นที่เสี่ยง กทม.และปริมณฑล กลับบ้านต่างจังหวัด ทำกระจายเชื้อโควิดไปใน 32 จังหวัดแล้ว
ส่วนในประเด็นที่กำลังเป็นปัญหาของ “ระบบสาธารณสุข” เรื่องการตรวจเชิงรุก และ การรอเตียงของประชาชนที่มีการร้องเรียนจำนวนมาก นั้น “พล.อ.ณัฐพล” บอกด้วยว่า นายกฯห่วงสถานการณ์ ให้ติดตามรายงานการป่วยและศักยภาพการรักษาอย่างใกล้ชิด ซึ่งพบว่ามีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในบางวันมีตัวเลขผู้ป่วยสูงขึ้น ส่วนใหญ่มาจาก”การตรวจเชิงรุก ในแต่ละคลัสเตอร์ แต่ละพื้นที่เสี่ยง เพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อเข้าออกจากกลุ่มก้อนและชุมชนให้เร็วและมากที่สุด เมื่อถามว่าหากสถานการณ์ไปถึงขั้นมีผู้ติดเชื้อถึงหลักหมื่นจะรองรับได้หรือไม่ “พล.อ.ณัฎพล” บอกว่า ”เราคิดไว้ทุกอย่าง” ทั้งเพิ่มจำนวนเตียงและจะเพิ่มเรื่อยๆจากวันนี้ รวมถึงการแยกกักตัวที่บ้าน คาดว่า ถ้าภาครัฐทุ่มเท สถานการณ์ประกอบการภาคเอกชนและประชาชนร่วมมือมาตรการส่วนบุคคล คิดว่าน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้
น่าสนใจ ในประเด็น ”รอเตียง” จนเสียชีวิตของประชาชน ที่เริ่มปรากฏเป็นข่าวหลายเคสเช่นรายล่าสุดพ่อโดดตึกฆ่าตัว หลังลูกสาวติดโควิดรอเตียงและเสียชีวิต เคส ”เชาว์ มีขวด” อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่าขณะนี้คนตายคาบ้านมีมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากคนในชุมชนย่านห้วยขวาง ไม่ต่ำกว่า 20 คน ขอให้ช่วยหาเตียงให้ ส่วนใหญ่ติดโควิด-19 แบบยกครัว ที่น่าเศร้าคือเคส ชุมชนร่วมใจพิบูล 2 เขตห้วยขวาง หลังจากคุณแม่ตุ้มทอง ติดโควิดจนเสียชีวิต 28 มิ.ย.64 ต่อมาลูกสาว คุณประไพ ที่ดูแลแม่ก็ติดโควิดนอนรอเตียงจนเสียชีวิตคาบ้าน เมื่อวานซืน (30 มิ.ย.)เหตุเพราะโรงพยาบาลปฏิเสธการตรวจโดยอ้างไม่มีน้ำยาทั้งที่ผู้ป่วยอาการหนัก ที่ยังไม่นับรวมอีกหลายชุมชนที่มีลักษณะเดียวกันจากสถานการณ์โหลดหนักของระบบสาธารณสุข
น่าสนใจพิจารณาผ่านข้อมูลกราฟของ ที่มีคุณหมอท่านหนึ่งนำมาโพสผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า พบรายงานผล ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จากข้อมูล 323 แลบ ให้ข้อมูลเข้ามาส่วนกลางทั้งสิ้น 280 แลบ อีก 43 แลบ ไปไหน ไม่รู้ พบว่าจำนวนตรวจจนถึงเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ตกวันละประมาณ 4-8 หมื่นเทสท์ต่อวัน นับตั้งแต่ระบาดระลอกเม.ย.64 โดย% การตรวจพบอยู่ที่ราวๆ 4-5% ขึ้นลงในช่วงเม.ย.ถึงกลางพ.ค. พอกลางพ.ค.(17พ.ค.) กทม.เปิดให้นั่งทานอาหารในร้าน เปอร์เซ็นต์และยอดการติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นๆ เข้าเดือนมิ.ย. ยิ่งสูง โดยเฉพาะครึ่งเดือนหลัง น่าจะเกิน 5% ทุกวันแน่นอน ทั้งนี้เคยมีรายงาน ว่า ตามมาตรฐานข้อแนะนำจากWHO แนะนำให้พิจารณา LOCKDOWN ถ้าเกิดเจอบวก 5% ติดกัน 14 วันขึ้นไป
โดยคุณหมอบอกด้วยว่า หากเปรียบการ”ล็อกดาวน์”ปีที่แล้ว2563 ช่วง มี.ค.-เม.ย.63 ยอดตรวจน้อยกว่าแต่ % ผลบวกสูงมาก เรามีการ lockdown แบบ completely มีทั้งห้ามเดินทาง ห้ามออกนอกบ้าน มีทั้งเคอร์ฟิว มีทั้งปิดห้าง เราเจ็บปวดอยู่ 2-3 เดือน จนกราฟแบนราบลงมาจนกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติในช่วงมิ.ย.-ก.ค.63 แต่มาปีนี้ ถือว่า มาตรการหลวมกว่า เอื้อต่อการแพร่เชื้อมากกว่า เชื้อกลายพันธุ์มีความรุนแรงมากกว่า ติดง่าย ตายเยอะ จากทั้งทีมรักษาหมดแรง ยิ่ง “วัคซีน” ที่ควรจะต้องได้ตั้งแต่ต้นปี-กลางปีก็ไม่พอ ทั้งจำนวนและความสามารถในการป้องกันโรค จนถึงขณะนี้ ถือเป็นช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานของ the 4th wave ที่กราฟกำลังจะทะยานพุ่ง ทั้งๆที่หลายแลบก็ปิดไม่รับตรวจแต่ยอดยังพุ่งไม่หยุด ดังนั้นสิ่งที่ทำได้คือจากนี้ทุกคนต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด อะไรที่เคยทำในช่วง
มี.ค. -เม.ย.ปีที่แล้ว ให้กลับมาทำอีก ยกเว้นหน้ากาก ชั้นเดียวอาจจะไม่พอ
- หมอเหนื่อย-ไทยไม่ทน
- วิกฤตโควิด-ม็อบไล่ลุง
- โควิดไล่ลุง-หมอไม่ทน
- Delta&Betaยึด-120วันฝันร้าย
- “วัคซีน”ลับลวงเท
- วัคซีนไล่”ลุงตู่”สู้
พร้อมกันนี้ ยังเรียกร้องให้ รัฐบาล รีบจัด mRNA วัคซีน ให้ ”หมอหน้างาน” ที่เสี่ยงมากโดยเร็ว เพราะไม่ว่าจะเสกห้องความดันลบกี่ห้อง เตียงICUกี่เตียง ก็ทำได้ในไม่กี่วัน แต่เราไม่สามารถเสกหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ให้เพียงพอได้ชั่วข้ามคืน ถ้าประวิงการนำเข้าวัคซีน mRNA จะไม่มีอะไรป้องกัน ทำไปสักพักก็จะล้าและหมดแรงอีก ดังนั้น เดือน ก.ค. จึงเป็น เดือนแห่งการวัดใจของคนไทย จะไปในทิศทางไหนแบบต้องช่วยตัวเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news