ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2020 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ประจำคืนวันที่ 3 กรกฎาคม เวลา 23.00 น. คู่เเรกระหว่าง ทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก พบกับ ทีมชาติเดนมาร์ก ที่สนาม บากู โอลิมปิก สเตเดี้ยม กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน เดนมาร์ก เอาชนะ เวลส์ มาได้ 4-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เเละ เช็ก เอาชนะ เนเธอร์แลนด์ มาได้ 2-0 เช่นกัน สถิติการพบกันทั้งหมด 10 ครั้ง สาธารณรัฐเช็ก ชนะ3 ครั้ง เดนมาร์ก ชนะ2ครั้ง เเละ เสมอกัน 5 ครั้ง ผู้ชนะในคู่นี้จะเข้ารอบรองชนะเลิศ ไปพบกับผู้ชนะ ระหว่าง ยูเครน หรือ อังกฤษ ในวันที่ 7 กรกฎาคม ต่อไป
สภาพความพร้อมล่าสุดของทั้งคู่
เริ่มที่ สาธารณรัฐเช็ก สามารถผ่าน ฮอลแลนด์ เข้ามาแบบพลิกล็อก 2-0 อีกทั้งจะได้ตัว แยน บอริล แบ็กซ้ายคนสำคัญพ้นโทษแบนกลับมาลงสนาม ส่วนแกนหลักรายอื่นเตรียมยึดชุดเดิมจากเกมชนะฮอลแลนด์ 2-0 เป็นหลัก นำโดย พาทริค ชิค ดาวยิงตัวเก่ง ปักหลักเป็นหน้าเป้า ลูคัส มาโซปุสต์, อันโตนิน บารัค และ ยาคุบ ยังค์โต้ เป็นสามประสาน เเละ มี โทมัส ซูเซ็ค เป็นตัวขับเคลื่อนเกม
ฟาก เดนมาร์ก โชว์ฟอร์มเยี่ยมต่อเนื่อง รอบที่ผ่านมาเอาชนะเวลส์มาแบบหมดจด 4-0 เกมนี้น่าจะยึดผู้เล่นชุดเดิม เเต่ อย่างไรก็ตาม ไซม่อน เคียร์ กองหลังกัปตันทีมเจ็บระหว่างเกมถล่มเวลส์ต้องลุ้นหนักว่าจะพร้อมหรือไม่ หากไม่ รวมถึงกองหน้าร่างใหญ่อย่าง ยุสซุฟ โพลเซ่น ที่บาดเจ็บอีกคน นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะเป็น โจอาคิม แอนเดอร์เซน,คริสเตนเซน และ เวสเตอร์การ์ด เป็นสามกองหลัง แดนกลางนำทัพโดย โธมัส เดลานีย์ ประสานงานกับ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ แนวรุกใช้ มาร์ติน เบรเวต มิคเคล ดัมการ์ด เเละ แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก คอยทำเกมรุกล่าสกอร์
หากมองความน่าจะเป็นคู่นี้ ด้วยคุณภาพผู้เล่นและฟอร์มการเล่นที่ผ่านมาใกล้เคียงกันมาก เชื่อว่าน่าแบบเป็นเกมที่น่าเปิดแลกกันสนุก เพราะทั้งคู่มาถึงรอบนี้ไม่มีอะไรต้องเสียต้องกลัวกันเเล้วเดนมาร์ก ยังมีความดุดันกว่าบ้างเเละการเข้าทำที่เด็ดขาด ส่วนเช็ก เป็นบอลจังหวะยืดหยุ่นเกมได้ดี เเละเกมนี้ยังมีได้เปรียบผู้เล่นที่สมบูรณ์กว่าอยู่บ้างเเต่อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกันแล้วโดยรวมยังมองว่า เกมรุกที่ค่อนข้างเด็ดขาดของ เดนมาร์ก จะมีโอกาสชนะมากกว่าออกเสมอหรือแพ้ ฉะนั้นเเล้วเกมนี้ เดนมาร์ก พวกเขาเบียดชนะได้แบบหวุดหวิด
ขณะที่อีกคู่ ทีมชาติยูเครน พบกับ ทีมชาติอังกฤษ ที่สนาม สตาดิโอ โอลิมปิโก้ กรุงโรม ประเทศอิตาลี ในเวลา 02.00 น. ทั้งสองทีมคว้าตั๋วรอบ 8 ทีมสุดท้าย ได้ในวันเดียวกัน อังกฤษ เอาชนะ เยอรมัน ในรอบน็อคเอ้าท์ ด้าน ยูเครน เอาชนะ สวีเดน ได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
สภาพความพร้อมล่าสุดของทั้งคู่
ยูเครน จะไร้เงา อาร์เตม เบเซดิน หัวหอกตัวเก่งที่เจ็บหนักจากแมตช์ที่ผ่านมาและน่าจะต้องพักอย่างน้อย 6 เดือน นอกนั้นคาดว่า เชฟเชนโก้ เตรียมวางหมากในระบบ 3-5-2 ตามเคย โดยมี อังเดรย์ ยาร์โมเลนโก้กับ โรมัน ยาเรมชุค ควงคู่ล่าสกอร์ในแดนหน้าตามระเบียบ
ส่วน อังกฤษ สภาพทีมวันนี้จะได้ เมสัน เม้าต์ กับ เบน ชิลเวลล์ สองแข้งที่กักตัวครบกำหนดมาร่วมทีม นอกนั้นพร้อมลงสนามไม่ว่าจะเป็นทาง แฮร์รี แม็คไกวร์, จอห์น สโตนส์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์ เป็นสามกองหลัง แดนกลางนำทัพโดย คัลวิน ฟิลลิปส์ ประสานงานกับ ดีแคลน ไรซ์ ขณะที่แนวรุกใช้ แจ็ค กรีลิช, ราฮีม สเตอร์ลิง และ แฮร์รี เคน เป็นสามประสานล่าตาข่าย
ความน่าจะเป็นคู่นี้ อังกฤษ ดูเเล้วได้เปรียบกว่าคู่แข่งพอสมควรในเรื่องสภาพร่างกายและความสดของตัวผู้เล่น แถมผลงานกับมาตรฐานก็ดูเหนือกว่าเยอะ สอดคล้องกับทาง ยูเครน เล่นบู๊สวีเดนนานถึง 120 นาที ความสภาพร่างกายดูจะล้ากว่าอังกฤษเเน่นอน เเละเมื่อเทียบตัวนักเตะกันปอนด์ต่อปอนด์ก็เป็นรองอยู่เยอะ ดังนั้นการเก็บชัยของอังกฤษนัดนี้ดูแล้วคงไม่มีปัญหา อังกฤษผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศสบายๆ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news