150ล.โดส”วัคซีน(ไม่ทิพย์)”
ยังคงต้องติดตามโควิด-19 สายพันธุ์”เดลต้า” อย่างใกล้ชิด เพราะนี่คือสายพันธุ์ที่สร้างความหวาดผวากังวลให้กับเศรษฐกิจโลกรอบใหม่ หลังหลายประเทศต้องเริ่มกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มอีกครั้ง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเร่งตัวขึ้น รวมถึงชะลอการเปิดเมืองออกไปอย่างน้อย 1-2 เดือน
ขณะที่ประเทศไทย โดย “ศบค.” ก็จัด “ยาแรง” เพื่อคุม โควิด-19 ทั้งประกาศ “เคอร์ฟิว” “ล็อกดาวน์” เข้มขึ้นใน 10 จังหวัดสำคัญ 14 วัน เริ่ม 12 – 26 ก.ค.64 โดยมีเป้าหมายกดตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันไม่ให้พุ่งปรื้ดทะลุหมื่นคน รวมถึงยับยั้งการเสียชีวิต ที่วันนี้ตัวเลขใกล้หลักร้อยเข้าไปทุกที่ ซึ่งต้องติดตาม ว่า หลังประกาศใช้มาตรการคุมเข้ม 2 สัปดาห์แล้ว ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะชะลอลงหรือไม่ที่แน่ๆ มาตรการ “ยาแรง” ที่ “ศบค.” ประกาศ ได้ถูกเชื่อมโยงกับความเชื่อมั่นของรัฐบาล โดยที่มีอนาคตของประเทศเป็นเดิมพันนั่นเพราะการลดจำนวนผู้ติดเชื้อให้ต่ำกว่าหลักพันรายต่อวันนั้น “นักวิเคราะห์” มองว่า ยังมีความเป็นไปได้ยากและ ศบค. คาดว่าอาจต้องใช้เวลาถึง 3 เดือนหรือถึงช่วง ก.ย. 2564ด้วยซ้ำไป
อย่างไรก็ตาม การออกมาตรการควบคุมที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการปลดล็อกให้ประชาชนสามารถซื้อชุดตรวจ โควิด-19 หรือที่เรียกว่า Rapid-Antigen Test เองได้ พร้อมกับเดินหน้าหาวัคซีนเพิ่มเติม คือ ปัจจัยหนุนความเชื่อมั่น ให้มีความหวังซึ่งความคืบหน้าของวัคซีนนั้น ล่าสุด รัฐบาลย้ำชัดว่า ประเทศไทยมีการจัดหาและดำเนินการเจรจาวัคซีนหลักไปแล้วมากกว่า 105.5 ล้านโดส และมีแผนการจัดหาให้ครบ 150 ล้านโดส ภายในไม่เกินกลางปี 2565 ฉีดฟรีไม่เสียสตางค์ในมุมมองภาคเอกชน “นายสนั่น อังอุบลกุล” ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ มั่นใจประเทศไทยจะได้วัคซีนโควิด-19 เพิ่มจากหลายส่วน ซึ่งภาคเอกชนได้มี
การตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล โดยเปิดให้ลงทะเบียนผ่านไทยร่วมใจมาระยะหนึ่งแล้ว และพร้อมที่จะสนับสนุนภาครัฐในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกช่วงอายุ เพราะได้มีวางมาตรฐานการดูแลให้สามารถแบ่งเบาภาระโรงพยาบาลได้โดยภาคเอกชนอยากให้ภาครัฐจัดสรรวัคซีนมาให้มากที่สุด เพื่อใช้ประโยชน์จากการจัดตั้งศูนย์ของภาคเอกชนให้เต็มประสิทธิภาพ โดยศูนย์ทั้ง 25 ศูนย์ของหอการค้าไทยที่ทำร่วมกับกรุงเทพมหานคร สามารถช่วยฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้มากกว่า 80,000 โดสต่อวัน และสามารถเพิ่มปริมาณได้มากขึ้น ถ้าหากภาครัฐจัดสรรวัคซีนมาให้เพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนพร้อมให้การสนับสนุนในเรื่องของการตรวจโควิด-19 เชิงรุกสำหรับประชาชน โดยการตรวจแบบ Rapid Test ซึ่งรัฐบาลต้องเตรียมการเพิ่มเติม โดยภาคเอกชนได้ย้ำไปว่ารัฐบาลต้องเร่งอนุมัติและจัดหาชุดตรวจ ที่ได้มาตรฐานและราคาเหมาะสมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ ทำให้แยกคนป่วยและคนไม่ป่วยออกจากกัน เพื่อช่วยให้เราคุมการระบาดได้ดีขึ้น
ส่วนมาตรการล็อคดาวน์ 10 จังหวัดนั้น เชื่อว่าจะสามารถช่วยชะลอกาแพร่ระขาดได้ แต่คิดว่าสิ่งจำเป็นคือต้องเร่งกระจายวัคซีนที่มีให้ถึงประชาชนให้เร็วที่สุดเพื่อดูแลชีวิต และต้องกระจายวัคซีนไปให้กลุ่มคนที่เหมาะสมและพื้นที่เสี่ยงก่อน
จากนี้ต่อไป จะต้องจับตาดูยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่และเสียชีวิต ในช่วงที่รัฐบาลบังคับใช้กฎเข้ม 14 วัน ว่าจะยับยั้งได้มากน้อยเพียงใด รวมถึงมาตรการเยียวยาประชาชน ผู้ประกอบการ เพื่อบรรเทาผลกระทบ ประคองชีวิต เพื่อผลักดันให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้นั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news