“น็อต” โพสต์รูปคู่ “เพชร” ลั่นอย่าให้ความคิดมาทำลายมิตรภาพ
“น็อต” โพสต์รูปคู่ “เพชร” ลั่นอย่าให้ความคิดมาทำลายมิตรภาพ
หลังจากก่อนหน้านี้เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชี่ยลเกี่ยวกับปมเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของ 2 เพื่อนซี้ น็อต – วรฤทธิ์ และ เพชร – กรุณพล ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่างเกี่ยวกับปมวัคซีนโควิด ที่ทั้งคู่ตอบโต้กันผ่านโซเชี่ยล จนกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงและติดอันดับเทรนด์ทวิตเตอร์
ซึ่งล่าสุดทางหนุ่ม น็อต ก็ได้โพสต์รูปคู่กับ เพชร กรุณพล ลงอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมกับแคปชั่นที่ระบุเอาไว้ว่า
“อย่าให้ความคิดมาทำลายมิตรภาพ คิดต่างอย่างสร้างสรรค์ ร่วมมือกันฟันฝ่าโควิท 🤝” เป็นการการันตีว่าแม้ว่าทั้งคู่แต่จมีความคิดเห็นต่างกัน แต่ก็ไม่สามารถทำลายมิตรภาพของเพื่อนที่มีให้กันมากว่า 20 ปีได้
โดยก่อนหน้านี้ทั้งคู่ได้ออกมาเคลียร์ใจผ่านรายแฉ ของ มดดำ คชาภา พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในมุมมองของแต่ละคน
โดยหนุ่มน็อต ได้เปิดเผยว่า เฟซบุ๊กที่เล่นตั้งเป็นส่วนตัว ซึ่งมีแค่เพื่อนไม่กี่คน และที่สำคัญตนกับเพชรรู้จักกันมานาน เราพูดจากันแบบนี้ พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง และยอมรับกันได้อยู่แล้ว ไม่มีใครโกรธใคร ไม่มีใครเกลียดกันแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ เรากำลังอยู่ในสงครามที่ต่อสู้กับเชื้อไวรัส ศัตรูของเราคือไวรัส ไม่ใช่พวกเรากันเอง เพราะฉะนั้นวันนี้ เรามีความเห็นที่ต่างกัน มีข้อมูลที่ต่างกัน และต้องมาตีให้ตาย มันไม่ใช่ เพราะสิ่งที่เราต้องชนะคือไวรัสโควิด ซึ่งต้องการความร่วมมือจากทุกๆ คน จากมนุษย์ทั่วโลก มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ต้องร่วมมือกัน อย่าให้ไวรัสมันใช้เราเป็นเครื่องมือ เป็นพาหนะในการส่งต่อไปถึงคนอื่น นี่คือสิ่งที่ต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าใครจะมีข้อมูลอะไร เอามาแชร์กัน คุยกันอย่างสร้างสรรค์ ช่วยกันหาทางออกให้มนุษยชาติในโลกใบนี้ อย่างที่บอกว่าตนแชร์เอาไว้เพื่อนอ่าน เพื่อเราจะได้ศึกษาด้วยตัวเอง ในพื้นที่ของตัวเอง เพชรก็มีข้อมูลของเพชร เพชรก็เข้ามาให้ข้อมูลของตัวเองในที่ของตน เท่านั้น ซึ่งเราเป็นเพื่อนกัน เราก็บอกว่าเรื่องของมึง เอาไว้ก่อน เดี๋ยวขออ่านให้เรียบร้อยก่อน และสุดท้ายตนก็ขอบคุณข้อมูลที่อีกฝ่ายส่งมา
ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง สิ่งที่ตนโพสต์มันเกี่ยวกับความรู้ในสิ่งที่อยากจะศึกษาก่อน ว่าวัคซีนที่มีทั้งหมดในโลกนี้ อะไรที่พอจะช่วยเราได้บ้าง มีความรู้ที่แชร์ในเฟซบุ๊กที่จะเอาไว้อ่านเอง เหตุผลก็คือเท่านี้ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เกี่ยวกับวัคซีนเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นอย่าเอาไปโยงเกี่ยวกับเมือง ในเฟซตนก็ไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง
อย่างที่บอกว่าเราก็คนไทยด้วยกัน ไม่ว่าจะมาด่าว่าตน ด้วยคำที่คุณไม่พอใจในสิ่งที่โพสต์ไป มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นหรอก ทุกอย่างมันจะดีขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อตัวเราเอง ที่จะเข้าใจโลกจริงๆ อยู่กับมันให้ได้จริงๆ อย่างที่บอกไปว่าศัตรูของเราไม่ใช่พวกเรากันเอง ศัตรูของเราคือโควิด เราต้องชนะมันให้ได้ก่อน เอาชนะให้ได้ด้วยการร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ของทุกคนในโลกใบนี้ ให้มันผ่านไปให้ เป็นกำลังใจให้ทุกคน
ด้าน ของเพชร กรุณพล เปิดใจว่า จากข้อความคอมเมนต์ที่เกิดขึ้น ด้วยความที่มันเป็นตัวอักษร ไม่สามารถสื่ออารมณ์ได้ แต่เป็นการคุยที่มีคำหยาบขึ้นมา ทั้งมึงกู หรือว่าคำว่าเสือก ซึ่งถ้าเป็นเรื่องเพื่อนผู้ชายคุยกัน ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่พอมันกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักว่าเราสองคนสนิทกันแค่ไหน เราสนิทกัน 20 กว่าปี ว่าเราใช้คำพูดยังไง ซึ่งก็ไม่ผิดที่คนจะตีความหมายและสื่อไปในแนวนั้นได้ และมันเป็นกระแสที่คนกังวลเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนในตอนนี้ สุดท้ายน็อตก็พิมพ์คำว่าขอบคุณ ซึ่งถ้าใครเข้าไปแรกๆ ก็จะเห็นว่าตนก็กดหัวใจให้เขา ทุกครั้งที่ไม่ว่าตนได้ข้อมูลของใคร ถ้าได้อ่านแล้ว ก็จะกดหัวใจให้ หมายถึงว่าเราอ่านแล้ว ซึ่งมันก็ผ่านมา 5 วันแล้ว จึงมีคนเอามาแชร์ ก็เชื่อว่ามันเป็นเรื่องความเชื่อของการเมืองที่แตกต่างกันระหว่างเพชรกับน็อต ณ ตอนนี้กระแสการเมืองเปลี่ยนแปลงค่อนข้างไว คนก็กดดันกับกระแสบ้านเมืองที่มันอาจจะต้องดีกว่านี้ แต่สิ่งนึงที่อยากจะบอกว่าไม่มีใครผิดหรอก
ซึ่งเข้าใจกับข่าวที่เกิดขึ้น คือสิ่งนึงมีข้อความของน็อตที่ตนไม่พอใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรายึดมั่นในประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิ์มีเสียง อธิบาย นำเสนอ แนวความคิดความเชื่อของตัวเองได้ แม้จะไม่ถูกใจ เราก็ต้องรับฟัง เพราะในเมื่อเราบอกว่าเราอยู่ฝั่งประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิ์ในการแสดงความคิดของตัวเอง ทุกคนจะกระทำการใดๆ ก็ตาม ที่ไม่ไปละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น และไม่ละเมิดกฎหมายของประเทศ และการที่ตนมาบอกว่าวันนี้มันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น บางคนอาจจะไม่พอใจตนเช่นกัน ก็ต้องขอโทษจริงๆ ไม่ว่าใครจะคิดต่างจากเรา หรือใครจะมีอดีตอันเลวร้ายก็ตาม การด่า การผลักเขาออกไปจากเส้นทาง มันไม่ได้ช่วยให้ความสำเร็จที่เราตั้งใจไว้ มันเกิดเร็วขึ้น ทำให้เราสร้างศัตรู ที่แม้ตอนนี้อาจจะตัวเล็ก แต่ก็จะตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความแค้น ใครที่เห็นต่างจากเรา เราให้ข้อมูลเขา แลกเปลี่ยนกัน ว่าข้อมูลมันแตกต่างกันยังไง