Home
|
ข่าว

นายกฯจ่อเข้าทำเนียบตรวจโควิดรอบ3ผลลบขอมั่นใจวัคซีน

Featured Image
นายกฯ เตรียมกลับเข้าทำเนียบ ผลตรวจโควิดรอบ 3 เป็นลบ ครบ 14 วัน ขณะขอให้เชื่อมั่นวัคซีน 3 ยี่ห้อที่เลือกใช้ WHO ให้การรับรอง

ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังคงอยู่ระหว่างการกักตัวภายในบ้านพักกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ. ) โดยช่วงเช้าที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 รอบที่ 3 ซึ่งมีผลตรวจเป็นลบ ไม่พบเชื้อ

โดยในวันพรุ่งนี้ (16 ก.ค.) นายกรัฐมนตรี จะเริ่มกลับไปปฏิบัติภารกิจภายในทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากครบ 14 วัน หลังพบผู้ติดเชื้อจากการไปร่วมเปิด”ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เมื่อวันที่ 1 ก.ค. และผ่านการตรวจหาเชื้อ 3 ครั้ง โดยภารกิจในวันพรุ่งนี้ ในช่วงเช้านายกฯ เรียกประชุมคณะกรรมการ ศบค. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นในช่วงเย็นเวลา 18.00 – 20.00 น. นายกฯ จะเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกอย่างไม่เป็นทางการ (APEC Informal Leaders’ Retreat) ผ่านระบบการประชุมทางไกล ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ภารกิจของนายกฯ ในวันนี้ เวลา 18.00 น. นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีเปิด Samui Grand Opening การรับนักท่องเที่ยวภายใต้รูปแบบ Samui Plus Model ที่หาดเฉวง เกาะสมุย ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เดินทางร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดที่บริเวณหาดเฉวง เกาะสมุยด้วยตนเอง

นายกฯ ขอให้เชื่อมั่นวัคซีน 3 ยี่ห้อที่เลือกใช้ WHO ให้การรับรอง พร้อมเร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อให้ทุกคนในประเทศได้ฉีด

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าวัคซีนที่รัฐบาลเร่งจัดหาให้เป็นวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือกเพื่อให้บริการฉีดวัคซีน ให้กับทุกคนที่อยู่ในประเทศ ทั้ง 3 ยี่ห้อในขณะนี้เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ

โดยที่ แอสตราเซเนกา,และซิโนแวค ซึ่งเป็นวัคซีนหลัก ส่วนซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ซึ่งเป็นทางเลือกนั้น ได้ขึ้นทะเบียนกับองค์การอนามัยโลกและองค์การอาหารและยา และได้รับการยืนยันทางการแพทย์และนักระบาดวิทยาว่า มีประสิทธิภาพสามารถลดอัตราการเสียชีวิต และอัตราการเกิดอาการรุนแรงของผู้ติดเชื้อ

ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้มีแผนการนำเข้าวัคซีนต่างเทคโนโลยี อาทิวัคซีน Pfizer วัคซีน Moderna ซึ่งเป็นเทคโนโลยี mRNA และวัคซีน Johnson & Johnson ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Viral Vector Vaccine เช่นเดียวกับ AstraZeneca ขณะที่ ซิโนแวค และซิโนฟาร์มเป็น Inactivated Vaccine เพื่อให้ความมั่นใจว่าทุกคนที่อยู่ประเทศไทยจะได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพปลอดภัยและสามารถลดภาวะเจ็บป่วยรุนแรง

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนแอสตราเซเนกา เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 64, วัคซีนซิโนฟาร์ม เมื่อวันที่ 7 พ.ค.64 ขณะที่วัคซีนทั้ง 3 ยี่ห้อ องค์การอาหารและยา (อย. ) ได้อนุมัติเพื่อให้สามารถใช้ในภาวะฉุกเฉิน โดยแอสตราเซเนกา เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2564 ซิโนแวค 22 ก.พ.2564 และ ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2564 ที่ผ่านมาวัคซีนที่ไทยนำเข้ามาใช้ทั้ง 3 ยี่ห้อมีการใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก

โดยแอสตราเซเนกามีการใช้แล้วใน 118 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ซิโนแวคมีใช้ใน 37 ประเทศและซิโนฟาร์มมีการใช้ 56 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้องค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีน (The Vaccine Alliance หรือ Gavi) ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือระหว่างองค์กรรัฐและเอกชน

ซึ่งมีทั้ง องค์การอนามัยโลก และ UNICEF เป็นสมาชิก มีแผนการจัดส่งวัคซีนกว่า 110 ล้านโดส จากซิโนฟาร์ม 60 ล้านโดส และ ซิโนแวค 50 ล้าน ภายในปีนี้ เพื่อสนับสนุน COVAX ในการแจกจ่ายให้กับประเทศยากจนทั่วโลก

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube