สสจ.โคราช เผย มีผู้ป่วยโควิดติดต่อขอกลับมารักษาบ้านเกิดแล้วกว่า 700 ราย พร้อมขยายโรงพยาบาลสนามเพิ่มทุกพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลวันนี้ (16 กรกฎาคม 2564) พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นอีก 113 ราย โดยเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง 53 ราย , เป็นการรับผู้ป่วยกลับมารักษาที่จังหวัดฯ 17 ราย ,จากการสัมผัสผู้ป่วยโควิด19 อีก 33 ราย และอยู่ระหว่างสอบสวนโรค 10 ราย รวมมีผู้ป่วยสะสมแล้ว 2,611 ราย ซึ่งรักษาหาย 1,160 ราย ยังรักษาอยู่ 1,422 ราย และเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 29 ราย ซึ่งนายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลสนาม 2 แห่ง ในอาคารชาติชายฮอลล์ และอาคารลิปตพัลลภฮอลล์ ภายในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมืองนครราชสีมา ที่รองรับผู้ป่วยได้ 252 เตียง ล่าสุด รับผู้ป่วยเข้ามารักษาใน รพ.สนามแล้ว จำนวน 197 เตียง ยังคงเหลือเตียงว่างอีก 55 เตียง ส่วนโรงพยาบาลในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 37 แห่ง ขณะนี้รับผู้ป่วยมารักษาแล้ว จำนวน 1,226 เตียง ซึ่งมี รพ.จำนวน 11 แห่ง รับผู้ป่วยเต็มหมดแล้ว จึงส่งผู้ป่วยอาการเบามาที่ รพ.สนาม ถึงอย่างไรก็ตาม กรณีที่ช่วงนี้มีประชาชนจำนวนมาก ที่เดินทางมาจากจังหวัดพื้นที่เสี่ยง กรุงเทพมหานคร และภาคกลาง กลับภูมิลำเนา
ทางนายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ก็ได้สั่งการให้ทุกอำเภอ จัดเตรียมสถานที่ทำเป็นศูนย์กักตัวชั่วคราว 14 วัน สำหรับผู้ที่เดินทางมา เพื่อป้องกันการนำเชื้อไปแพร่ให้กับครอบครัว ส่วนผู้ติดเชื้อที่มีภูมิลำเนาอยู่ จ.นครราชสีมา ก็ได้มีการติดต่อมายังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อขอให้ไปรับตัวเดินทางกลับมารักษาที่บ้านเกิด ซึ่งขณะนี้ รพ.ในพื้นที่ยังสามารถรับผู้ป่วยได้ ประกอบกับมีโรงพยาบาลสนามรองรับได้พอสมควร โดยข้อมูลตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. 2564 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน มีผู้ป่วยนอกพื้นที่จังหวัด ติดต่อคอลเซ็นเตอร์ขอกลับเข้ารับการรักษาในจังหวัดนครราชสีมา ยอดสะสม 707 ราย ส่วนใหญ่อาการสีเขียว จำนวน 654 ราย สีเหลือง 50 ราย และ สีแดง 3 ราย ซึ่งมีผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแล้ว 667 ราย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
