กลาโหม แจงถอนงบ เรือดำน้ำ ปี 65 วอนอย่าแสวงประโยชน์เกินเลย กระทบความสัมพันธ์
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีการจัดหา เรือดำน้ำ ของกองทัพเรือ ว่า ความจริงเรื่องนี้ กระทรวงกลาโหม ได้หารือร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ถึงเหตุผลความจำเป็นของการเสริมสร้างกำลังทางทะเลรับมือกับสภาพแวดล้อมภัยความมั่นคง โดยเฉพาะมิติใต้น้ำที่เรามีความสามารถจำกัด เพื่อรักษาดุลยภาพความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเลที่มีมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์วิกฤตจากการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ปี 63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้ให้ กระทรวงกลาโหมและกองทัพเรือ ไปพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการชะลอโครงการจัดหาเรือดำน้ำ หรือยืดเวลาออกไปก่อน
โดย กระทรวงกลาโหม ได้เห็นถึงปัญหาภาระงบประมาณและความจำเป็นเร่งด่วน ในการบริหารจัดการงบประมาณของประเทศ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติ และประชาชนภาพรวมในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งในปี 63 และปี 64 ที่ผ่านมากองทัพเรือ ได้ส่งคืนงบประมาณ จำนวน 3,375 ล้านบาท และ 3,425 ล้านบาท เพื่อให้รัฐบาล สามารถบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุดในภาพรวม ตามความจำเป็นเร่งด่วน
สำหรับในปี 65 กระทรวงกลาโหม ได้ประเมินร่วมกันแล้วว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคยังคงอยู่และมีผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่อง และนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการไปแล้ว ให้กองทัพเรือ พิจารณาถอนแผนงานงบประมาณโครงการเรือดำน้ำออกไปก่อน โดยให้หารือกับ กห. จีน ถึงเหตุผลความจำเป็น ที่ต้องขอชะลอโครงการในปีนี้ออกไปจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ยืนยันว่า โครงการจัดหาเรือดำน้ำของ กองทัพเรือ เป็นโครงการตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาล ต่อ รัฐบาล ( G to G ) ที่ กห.ของทั้งสองประเทศมีความร่วมมือกันโดยตรงตามข้อตกลงและโปร่งใส ไม่ผ่านคนกลางหรือบริษัทนายหน้าอื่นใด
โดยที่ผ่านมา กองทัพเรือ ได้ติดต่อตรง กับ กระทรวงกลาโหมจีนและกองทัพเรือจีน ผ่านช่องทางทางการทูตเท่านั้น จึงขอให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับสังคมและไม่อยากให้มีการแสวงหาประโยชน์จากกลุ่มใดๆ หรือการใช้ประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งอาจเกินเลยไปกระทบความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news