ล็อกดาวน์ความเชื่อมั่นตลาดทุน
หลังการ ล็อกดาวน์ มีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อ ออกไปหลังล่าสุดปรับเพิ่มล็อกดาวน์อีก 3 จังหวัด รวมทั้งแนวโน้มผู้ติดเชื้อยังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทะลุ 1 หมื่นราย ดูเหมือนว่าการล็อกดาวน์ของรัฐบาลยังไม่ได้ผล ไม่สามารถควบคุมยอดผู้ติดเชื้อให้มีแนวโน้ม หรือ ท่าทีที่จะลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน
หากย้อนไปดูช่วงเดือนเมษายนปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่มีมาตรการล็อกดาวน์จะพบว่าตัวเลขค้าปลีกลงแรงทุกตัว ทั้งกลุ่มเครื่องดื่ม และกลุ่มอาหาร ซึ่งมาตรการล็อกดาวน์ที่กลับมาในรอบนี้แน่นอนว่าการบริโภคจะได้รับผลกระทบ แต่ถ้าถามว่าจะแรงเท่าปีที่ผ่านมาหรือไม่ คงต้องรอดูว่าความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งความยืดเยื้อของมาตรการที่กำลังจะออกมาในระยะถัดไป แต่ภาครัฐยังมีมาตรการทางการคลังที่จะช่วยกระตุ้นการบริโภคได้บ้าง จากคนละครึ่งเฟสที่สามและโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
แต่หากมองภาพตลาดทุน และตลาดหุ้นไทย ที่มีความอ่อนไหว อาจได้รับแรงและผลกระทบในระยะถัดไปจากมาตรการต่างๆที่เข้มข้นขึ้นได้
โดย นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า การล็อกดาวน์ของรัฐบาล 14 วันที่ประกาศออกมา จนล่าสุดมีการประกาศเพิ่มอีก 3 จังหวัด ทำให้มองว่าการล็อกดาวน์อาจจะยืดออกไป ประกอบกับยอดตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ได้ลดลงและยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล รวมทั้งการฉีดวัคซีนที่ล่าช้าอาจทำให้การเปิดประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติล่าช้าออกไปเช่นกัน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและตลาดทุนไทย ดังนั้นรัฐบาลจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และตลาดหุ้นในการเร่งออกมาตรการทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังแนวโน้มการระดับการล็อกดาวน์ มีวงกว้างและยาวนานมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ที่สำคัญคือการเร่งนำเข้าวัคซีนที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูง ในการนำมาฉีดให้กับประชาชนอย่างครอบคลุม และรวดเร็ว เพื่อการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งหากดำเนินการได้โดยเร็วทั้งการฉีดวัคซีนและมาตรการทางเศรษฐกิจ จะช่วยลดความอ่อนไหวของตลาดทุนในระยะข้างหน้าได้
โดยหลังจากนี้คงต้องมาติดตามมาตรการของรัฐบาลในการควบคุมสถานการณ์ โควิด-19 ว่าจะเข้มข้นและยืดเยื้อมากน้อยเพียงใดรวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลดแรงกระแทกจะออกมาเพียงพอต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่คงต้องมาติดตามกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
