@ “สัญญานอันตราย”“คู่ขนาน”ประเทศไทย ในนภาวะ ที่ “ประชาชน”มีความรู้สึกไม่ปลอดภัยจากโรคระบาด “โควิด-19” ที่อัพเลเวลเป็น”สายพันธุ์เดลตา”ที่มีความรุนแรงและรวดเร็วในการระบาดให้คนเจ็บตายทะลุหมื่นทะลุร้อยมาตั้งแต่วันเสาร์(17ก.ค.)
โดยวันนี้(19ก.ค.)ยอดยังพุ่งอยู่ที่11,784สะสม 386,307 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)เสียชีวิต 81 ราย แบบที่ ศบค.เองก็ยอมรับถึงสถานการณ์รุนแรงที่จำเป็นต้องมีมาตรการเข้มข้นออกมาเป็นลำดับ โดยอ้างการประเมิน กรณี หากสถานการณ์เลวร้ายสุด คือไม่มีมาตรการป้องกันอาจมีเคสใหม่ได้ถึงวันละสามหมื่นคน ที่แม้ ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว(12ก.ค.) รัฐบาลจะออกมาตรการ “ล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว”กรุงเทพปริมณฑลและจังหวัดใต้10จ.ก่อนจะเพิ่มเป็น 13 จ.ตามด้วยมาตรการ”ล็อกดาวน์เข้มข้น”ที่มีผลพรุ่งนี้(20ก.ค.)
@หากแต่ ภาพสะท้อนผ่านเหตุการณ์ และข้อมูลบางประการ ที่ออกมาในช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น เหตุการณ์ ม็อบ18ก.ค. บุกทำเนียบฯเรียกร้อง 3 ข้อเมื่อวาน กรณีผู้บริหารแอสตราเซเนกาออกหนังสือชี้แจงข้อเท็จจรงการส่งมอบวัคซีนให้ไทย และ กรณีศบค.เรียกสื่อคุย ก็น่าจับตาอย่างต้องกังวลในสถานการณ์ถัดไปไม่น้อย ถึงสภาพการณ์ที่กำลังดำเนินไปสู่ การยกระดับ มาตรการ “ล็อกดาวน์”และ”ทิศทาง”ในการแก้ปัญหาศบค.และ”นายกฯลุงตู่”ที่กำลังโดนทัวร์ลงอย่างหนัก ที่แพลม ว่าจะมีการ ยกระดับเป็น”ล็อกเมือง”แบบ“อู่ฮั่นโมเดล”ประเทศจีน ที่ห้ามคนออกนอกบ้านเด็ดขาดและมีส่งข้าว3มื้อ ตามที่มีการส่งสัญญานจาก”หมอ”ให้ “ผู้บริหารสื่อมวลชน”ที่เรียกไปคุยที่สนง.กสทช.เมื่อวาน(18ก.ค.) ทราบและบ่งชัดว่าถัดจากนี้จะมีการยกระดับทุก 7 วัน หากตัวเลขยังคงพุ่งสูงไม่ลดลง
@น่าสนใจว่า มาตรการที่เตรียมไว้แบบที่ ศบค.ให้”หมอทวีศิลป์”แถลงวันนี้(19ก.ค.) อ้างแบบประเมินจากการวิเคราะห์ประเมินผลของอาจารย์จาก ม.มหดล ว่าถ้าสถานการณ์เลวร้ายสุด คือไม่มีมาตรการป้องกัน อาจมีเคสใหม่ได้ถึงวันละสามหมื่นคนที่แน่นอน ยิ่งหมายไปถึง “ตัวเลขการตาย”ย่อมพุ่งเป็น3เท่าจากวันละประมาณ100 เป็น300 ที่สมเหตุผลที่ ศบค.จะ ล็อกเมือง แบบเข้มข้นให้คนอยู่บ้านเหมือนต้นปี2563 ที่อย่าลืมว่าหนนี้ด้วยเหตุ”เจ็บไม่จบ”ทำให้มีคน”อารยขัดขืน”ไม่น้อย ที่ย่อมเป็นปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย และที่น่าสนใจคือปัญหา “ความไม่เชื่อมั่น”ในการบริหารจัดการ ที่จะทำให้สถานการณ์เจ็บตายจาก”โควิด”บรรเทาหลัง”ล็อกดาวน์”ที่ยังไม่ชัดเจนออกมา แบบที่ทุกคนหลอนจาก”เซมิล็อกดาวน์”ปิดแคมป์คนงานและล็อกร้านอาหาร ที่ทำให้แรงงานแห่พาเชื้อกลับบ้านต่างจังหวัด ซ้ำรอย “สงกรานต์64”
@โดยเฉพาะ คำถามคือ จะดูแลชีวิตประชาชนอย่างไร และจะทำ “เสียของ”เหมือน2-3ครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ ในสถานการณ์ที่เราปล่อยให้เลยเถิด เชื้อเข้าชุมชน และเข้าไปถึงในบ้านแล้ว ที่อาจทำให้ การปิดเมือง นอกจากจะไม่สำเร็จ จะกลายไปซ้ำเติมให้คนตายทั้งเป็นทั้ง”หิวตาย”และ”ป่วยตาย”หรือไม่ เพราะเชื้อยังอวลอยู่ตรงนั้น แบบที่ กระบวนการ”ตรวจเชิงรุก”และการจัดการส่งต่อผู้ป่วย รวมถึง เรื่องยากรักษา และ วัคซีน ที่ยังเป็นปัญหา”คอขวด”และมีปัญหา”วัคซีนทิพย์” ยังไม่มีการ”คลี่คลายชัด”
ในทางการปฏิบัติจนส่งผลต่อ”หมอหน้างาน”ที่โหลดหนักและเริ่มทะยอยติดเชื้อสูญกำลังการสู้โควิด ไม่แต่ปม ”โป๊ะแตก”จากหนังสือลงวันที่ 25มิ.ย. ส่งถึง”หมอหนู”ของผู้บริหารบ.แอสตราเซเนกา ที่ไม่ยอมตกเป็น”แพะรับบาป”ถูกหาว่า”ผิดสัญญาส่งมอบ”ทำให้เกิดปัญหาการระบาด โดยเขา สรุปว่า“ทีมไทย”นอกจากจะจองและเซ็นซื้อช้ากว่า 7 ประเทศที่เขามีคิวส่งมอบที่เขาเซ็นไปตั้งแต่ปลายปี63 แต่เราเพิ่งเซ็นต้นปี64 และพ.ค.64 แล้ว ไทยยังบอกเองว่า ต้องการแค่เดือนละ3ล.โดส แต่เขาอุตสาห์ให้5ล.โดสต่อเดือน และเตือนให้เข้าร่วมโครงการโคแวคแต่ไทย”โนเค”เองทำให้จากนี้เขาจะส่งให้ได้เต็มที5ล.โดส/เดือนไปจนถึงพ.ค.65
@ที่ไม่แปลกว่าสถานการณ์ “คู่ขนาน”แบบที่ต้องเห็นโลงศพจึงหลั่งน้ำตา กับ”ศึกโควิด”ที่เหมือนจะเอาไม่ทันสักอย่าง ตอนนี้ ถนนทุกสาย ทัวร์ทุกเจ้า ที่กำลังหิวและโกรธจนเรือดำน้ำยันฟู้แพนด้ายังต้องหลบและโดนลูกหลงไปด้วย จะมุ่งตรงไปลงที่ “นายกฯลุงตู่”น้องเล็ก”ศูนย์อำนาจ3ป.” ที่เคยประกาศไว้ว่าทำนอง”ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” แบบที่”พี่รอง-พี่ใหญ่”ต้อง”รักษาระยะห่าง”หันไป”กำจัดผักตบชวา”ปล่อยให้น้อง”ฉายเดี๋ยวจัดการ”โควิด”
ที่ไม่แปลกว่าปรากฏการณ์”ม็อบ18ก.ค.”กับ 3 ข้อเรียกร้องที่มีปัญหาโควิดนำ เมื่อวาน(18ก.ค.)จะถูกจับตามองว่าเป็นการ”ชิมลาง” ของ “รูระบาย”ให้กับ”ทุกทัวร์” ที่พร้อมลง”ลุงตู่”ให้ปลดล็อก(unlock)สถานการณ์โดยการ ”ลาออก” จะคู่ขนานไปกับการยกระดับมาตรการ ”Lockเมือง” ทุก 7 วัน ของ ศบค.จากนี้ไปเช่นกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news