นายกฯ ยันมีแผนเร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มในปีนี้
นายกฯ เห็นประชาชนใช้ชีวิตลำบากหลังออกคำสั่งล็อกดาวน์ ยันมีแผนเร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มในปีนี้ อย่างน้อย 105.5 ล้านโดส และปีหน้า 120 ล้านโดส
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการออกมาตรการ ล็อกดาวน์กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมไปถึงพื้นที่แพร่ระบาดหนักใน 13 จังหวัด จะมีการดำเนินการเพิ่มเติมหรือไม่ว่า ในปัจจุบันขณะนี้ นายกฯ และคณะรัฐมนตรี เห็นใจประชาชน ถึงความไม่สะดวกในการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันหรือแม้กระทั่งบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมด ที่ดูแลประชาชน โดยขอให้ทุกคนให้กำลังใจกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ติดตามการดำเนินงานของทุกส่วนราชการอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถสั่งการหรือมอบหมายนโยบายเพิ่มเติมได้อยู่ตลอดเวลา โดยมีการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องและจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับประชาชน เพราะฉะนั้นขอให้ประชาชนได้พิจารณาเรื่องของข้อมูลข่าวสารในปัจจุบัน เนื่องจากรัฐบาลพยายามให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและชัดเจนให้มากที่สุด
ขณะที่แผนการกระจายวัคซีน ไปยังจุดต่างๆ นายอนุชา ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว ว่ามีคณะกรรมการในการกำกับดูแลการกระจายวัคซีนในปัจจุบันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น จะเร่งรัดเพื่อให้วัคซีนเข้าเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มใดก็ตาม ก็มีแผนที่จะจัดหาเพิ่มเติมไปถึงช่วงปีหน้า โดยในปีนี้จะจัดหาให้ได้อย่างน้อย 105.5 ล้านโดส โดยในปีหน้าจะถามเพิ่มเติมอีก 120 ล้านโดส
นายกฯ เร่งช่วยประสานจัดหาเตียงพร้อมส่งกลับภูมิลำเนาหากผู้ป่วยติดเชื้อโควิดต้องการให้ได้โดยเร็วที่สุด มีแนวทางนำเงินเดือนประจำตำแหน่ง ครม.สมทบทำกล่องยังชีพช่วย
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้หารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมีความเห็นร่วมกันว่ารัฐมนตรี มีความสมควรเหมาะสมที่จะต้องลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนในปัจจุบัน ที่มีประเด็นเรื่องการติดเชื้อโควิด-19 อยู่จำนวนมาก โดยการช่วยประสานงานในลักษณะของการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม การดำเนินการประสานเรื่องของการจัดหาเตียงต่างๆ ให้กับผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยรองรับผู้ติดเชื้อ รวมไปถึงรับผู้ป่วยจากกรุงเทพฯและปริมณฑล ตามความสมัครใจกลับไปรักษาตามภูมิลำเนา โดยรัฐมนตรี จะได้ดำเนินการประสานกับหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานช่วยดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 การรับการรักษาโดยเร็วที่สุด และสามารถดูแลใกล้ชิดนอกเหนือจากการได้รับการดูแลในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลแล้ว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังแจ้งให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบว่า จากการที่แจ้งไม่รับเงินเดือนในส่วนของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี และทีมโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี สมทบรวม เงินในจำนวนนี้ นายกรัฐมนตรี มีความคิดที่จะทำเป็นกล่องยังชีพ กล่องยังชีพนี้จะมีอุปกรณ์ต่างๆที่เหมาะสมกับผู้ที่ติดเชื้อ เพื่อให้ได้รับการดูแลในเบื้องต้น โดยในกล่องยังชีพ จะส่งให้ประชาชนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จะประกอบไปด้วยปรอทวัดไข้ เครื่องวัดออกซิเจนที่ปลายนิ้ว ยารักษาต่างๆ หน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์
นอกจากนี้ที่ ประชุมยังรับทราบว่าในปัจจุบันนายกรัฐมนตรี ได้มีการปรับการให้ตรวจหาเชื้อ โควิด-19 แบบ Antigen Test Kit ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สื่อสารให้ประชาชนรับทราบให้ชัดเจน ในเรื่องของขั้นตอนการตรวจต่างๆ ที่จะต้องดำเนินการ ตั้งการจัดซื้อจัดหา และเมื่อตรวจพบเชื้อแล้วจะต้องดำเนินการอย่างไร โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอให้เขียนลำดับขั้นตอนให้ชัดเจน ว่าการที่จะต้องทำการรักษาตัวที่บ้าน หรือ Home isolation มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง รวมถึงมีอาการมากขึ้นจะต้องติดต่อหน่วยงานใด
ส่วนการรอเตียงเพื่อรอรับการรักษานั้น นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ดำเนินการเพื่อที่จะให้ลดจำนวนผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบการรักษาได้ โดยขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงหรือพื้นที่ ได้ไปดำเนินการเพื่อที่จะทำให้ทุกอย่างสามารถที่จะดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง
ขณะเดียวกัน ในที่ประชุมได้มีการรายงานการจัดหาวัคซีน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้รับทราบว่าในวันนี้ได้มีการลงนามในสัญญา ระหว่างกรมควบคุมโรคร่วมกับบริษัทไฟเซอร์ โดยในเบื้องต้นจะมีการนำเข้ามา 20 ล้านโดส โดยจะนำเข้ามาในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 นี้
นายกฯคุยเอเปคแนะทุกคนต้องรู้จักบริหารความเสี่ยงโควิด เน้นช่วยผู้ประกอบรายย่อยก่อน
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้พูดถึงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งแม่ขึ้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีประเทศนิวซีแลนด์ เป็นเจ้าภาพในปีนี้ ที่นายกรัฐมนตรี ได้นำเสนอเรื่องสำคัญในการประชุมครั้งนี้ เรื่องแรก คือ การเข้าถึงและการกระจายวัคซีน ที่ปลอดภัยแก่ประชาชนอย่างเป็นธรรมและรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอการทำให้ทุกคนจะต้องเรียนรู้จัดการบริหารความเสี่ยงเพื่อดำรงชีวิต ให้อยู่กับไวรัสในระดับที่ควบคุมได้เพื่อที่จะสามารถกลับสู่สถานการณ์ปกติได้แบบ New Normal ในอนาคต
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังมีการเสนอมาตรการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ โดยเน้นว่า จะต้องมุ่งเป้าไปที่ผู้ประกอบการ Micro SMEs และกลุ่ม Startup เป็นลำดับแรก เนื่องจากเป็นกลุ่มสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของภูมิภาคและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุด และนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำถึงการมีแนวคิดพัฒนารูปแบบใหม่ๆ ในการประกอบธุรกิจและการดำเนินเศรษฐกิจให้มีความสัมพันธ์ และมีความสำคัญกับมนุษย์และสิ่งแวดล้อมโดยคำนึงถึงความพอดีหรือความสมดุล ซึ่งไทยได้นำเสนอโมเดลเศรษฐกิจชีวภาค หรือเศรษฐกิจสีเขียว ที่จะรักษาทุกหน่วยสมดุลของเศรษฐกิจ เพื่อลดปัญหาโลกร้อนและภัยธรรมชาติที่รุนแรง
นายกฯ อยากให้ประชาสัมพันธ์สมุยพลัส แตกต่างกันกับ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ชี้ทั้ง 2 โครงการนำร่องเปิดประเทศ 120 วัน หวังควบคุมโควิดระบาดได้
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีก่อนการเริ่มวาระนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงสมุย พลัส โมเดล ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม โดยเป็นหนึ่งในโครงการเปิดประเทศใน 120 วัน ต่อเนื่องมาจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่ได้เริ่มมาจากวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยให้นักท่องเที่ยวที่ผ่านการคัดกรองตามเงื่อนไขเข้ามาท่องเที่ยว ในพื้นที่เกาะสมุย
โดยนายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบ โดยอยากให้ประชาสัมพันธ์โครงการสมุย พลัส โมเดลมีความแตกต่างจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เมื่อเข้ามาในภูเก็ตแล้วสามารถที่จะเดินทางท่องเที่ยวภายในเกาะภูเก็ตได้ แต่โครงการ Samui Plus model มีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป ให้ในวันที่ 1-3 ของการเดินทางมาถึง นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางออกจากห้องพักและใช้บริการเฉพาะในบริเวณที่พักเท่านั้น โดยหลังจากนั้นนักท่องเที่ยวจะสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้เป็นระบบปิด ตามเส้นทางที่กำหนด โดยในวันที่ 8-14 ของการเดินทางมาถึง นักท่องเที่ยวจะสามารถเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะสมุย เกาะเต่า และเกาะพะงันได้โดยไม่ต้องใช้วิธีการกักตัว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ทั้ง 2 โครงการ และหวังว่าโครงการนี้จะทำให้ประชาชนสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวและสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้
“บิ๊กตู่”ยันไร้ปัญหาพรรคร่วมปมบริหารจัดการโควิด หลังภท.โวย”อนุทิน”เป็นแพะ ลั่นไม่มีแยกกันทำงานไม่เคยแทรกแซงใคร
ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ได้แถลงข่าวแต่อย่างใด โดยมอบหมายให้นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบคำถามสื่อมวลชนในประเด็นต่างๆแทน
ทั้งนี้ นายอนุชา ตอบคำถามถึงการแก้วิกฤตโควิด-19 เหมือนตอนนี้นายกรัฐมนตรี? และศบค. กำลังถูกโดดเดี่ยวจากพรรคการเมืองหรือไม่ โดยเฉพาะกรณี ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ออกมาปกป้องนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขว่าตกเป็นแพะรับบาปจากปัญหาเรื่องวัคซีน ซึ่ง นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ทุกหน่วยงานโดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลยังทำหน้าที่ด้วยกันด้วยความเข้มแข็ง ซึ่งเป็นการทำงานในโครงสร้าง ศบค. ที่นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมีทุกหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องของคณะกรรมการอื่นๆ ที่มีการแต่งตั้งไปก็เป็นคณะกรรมการชุดเล็กที่ทำงานภายใต้การกำกับดูแลของศบค.ชุดใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้น ทุกหน่วยงานรวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก็ยังให้ข้อเสนอแนะข้อแนะนำและรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นกับการบริหารจัดการทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ไม่มีการแยกกันทำงานในลักษณะ ไม่บูรณาการและทุกอย่างยังทำงานร่วมกันด้วยดี และนายกรัฐมนตรี เองก็ไม่ได้มีการไปแทรกแซงอะไรทั้งสิ้น แต่รับฟังทุกข้อคิดเห็นทั้งในส่วนของคณะแพทย์และเศรษฐกิจที่ต้องเยียวยา จึงต้องทำควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่อง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news