ผ้าอนามัยแบบสอด กลายเป็นที่พูดถึงและเป็นกระแสสังคมอย่างมากเมื่อวานนี้ (วันที่ 22 ก.ค.) หลังจากที่มี ประกาศราชกิจจาฯ ว่า ผ้าอนามัยแบบสอด เป็นเครื่องสำอาง ทำให้หลายคนมองว่าสินค้าอย่างผ้าอนามัยแบบสอดจะขึ้นภาษีและมีราคาแพงขึ้นรึเปล่า
ล่าสุด อย. รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกมาทำความเข้าใจกับประชาชน โดยสรุปได้ดังนี้
- ปัจจุบันผ้าอนามัยมี 2 ชนิดคือ ใช้ภายนอกและชนิดสอด ทั้ง 2 ชนิดถูกจัดเป็นเครื่องสำอางตั้งแต่ปี 2528
- สาเหตุที่ถูกจัดเป็นเครื่องสำอาง เพราะเข้ากับนิยาม คือ วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ทา ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อบ หรือ กระทำด้วยวิธีอื่นใดต่อส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายเพื่อความสะอาด ฯลฯ
- ปี 2558 มีการแก้ไข พ.ร.บ. เครื่องสำอางใหม่ มีการแก้ไขนิยามของคำว่า “เครื่องสำอาง” ทำให้ “ผ้าอนามัยชนิดสอด” หลุดจากคำนิยามของเครื่องสำอาง แต่ผ้าอนามัยใช้ภายนอก ยังเป็นเครื่องสำอาง
- ด้วยเหตุนี้จึงออกกฏกระทรวงกำหนดให้ผ้าอนามัยชนิดสอด เป็นเครื่องสำอาง
- ผ้าอนามัย เป็น 1 ใน รายการสินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ ไม่มีการจัดเก็บภาษีผ้าอนามัยใน อัตราภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย หรือ 30% ภาษีผ้าอนามัยจึงจะถูกจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) ตามราคาของสินค้าเหมือนสินค้าชนิดอื่นๆ
หากให้สรุปสั้นๆ ผ้าอนามัย ถูกจัดเป็นเครื่องสำอางอยู่แล้วเพื่อมาตรฐานความปลอดภัย แต่เป็นสินค้าควบคุม ไม่มีเก็บภาษี ไม่ได้เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย
แต่ก็มีอีกประเด็นที่น่าสนใจคือ มีหลายประเทศที่ยกเลิกภาษีผ้าอนามัยไปเลย เช่น เคนยา เลบานอน สหรัฐฯ อังกฤษ มาเลเซีย หรือ ประเทศอย่างสกอตแลนด์ ที่มีกฏหมายให้ผู้มีประจำเดือน ใช้ผ้าอนามัยฟรีเป็นประเทศแรกของโลก จุดนี้เป็นอีกจุดที่หลายคนอยากผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับประเทศไทยเช่นกัน
ติดตามข่าวอื่นๆ ได้ที่ ไอ.เอ็น.เอ็น. และอย่าลืมกดติดตามเพื่อไม่พลาดทุกข่าวสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
ขอขอบคุณข้อมูล