หมอธีระ แนะ ตุนเสบียง 4 สัปดาห์
“หมอธีระ” แนะประชาชน ตุนเสบียง เตรียมของจำเป็น 2-4 สัปดาห์ พร้อม วางแผนใช้จ่าย-ระวังการลงทุน
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า หากประเมินสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่สามารถตัดวงจรการระบาดได้ด้วยมาตรการที่ดำเนินการอยู่ สิ่งที่ควรเราควรเตรียมรับมือ มีดังนี้
1.การติดเชื้อใหม่จะยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกทม. ปริมณฑล และต่างจังหวัด ทั้งนี้ต่างจังหวัดในเขตเมืองจะมีมากขึ้น
2.จังหวัด/เกาะ ที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น การระบาดจะเริ่มเห็นเพิ่มขึ้น แต่มีแนวโน้มจะชัดเจนมากช่วงปลายสิงหาคม โดยปัจจัยหลักเกิดจากกิจกรรมกิจการต่างๆ ที่มีมากขึ้นในพื้นที่ ทำให้พบปะกัน สัมผัสกัน สังสรรค์กัน กระตุ้นให้การติดเชื้อแฝงในชุมชนที่มีอยู่เดิมนั้นขยายวงขึ้นนั่นเอง ดังนั้นจึงต้องป้องกันตัวให้เข้มแข็ง ปรับรูปแบบการดำเนินกิจการกิจกรรมต่างๆ ให้เน้นความปลอดภัย
3.ด้วยจำนวนติดเชื้อใหม่รายวันมีมาก ระบบการดูแลไม่ว่าจะที่บ้าน ที่พักคอย ที่ รพ.สนาม หรือที่โรงพยาบาล ไม่มีทางเพียงพอ ดังนั้นบทบาทของชุมชนจึงมีความสำคัญอย่างมากที่จะประคับประคองดูแลคนในพื้นที่ ปัญหาการติดเชื้อภายในที่อยู่อาศัยจะยังมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประเมินแล้วคาดว่า shortcut ที่จำเป็นต้องทำคือ การเปิดวัดและโรงเรียนเพื่อรับผ่องถ่ายจากบ้านมาอยู่ที่นี่แทน จึงจะมีโอกาสลดทอนการแพร่เชื้อภายในบ้านได้ โดยอาจต้องขอกำลังพระภิกษุและคุณครูมาเป็นผู้ช่วยดูแลกำกับหรือประสานงาน
4.เตรียมเสบียงและสิ่งของจำเป็นไว้ในบ้าน ข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม ยาสามัญประจำบ้านไว้สัก 2-4 สัปดาห์ ก็จะเป็นประโยชน์ยามฉุกเฉิน การทบทวนสิ่งสำคัญ ข้อมูลสำคัญส่วนตัว และบันทึกไว้ในที่ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย หากไม่สบายและมีข้อจำกัดในการดูแลรักษาตัว ก็จะสามารถส่งต่อให้กับสมาชิกในครอบครัวได้โดยไม่ต้องกังวลหรือเป็นห่วง
5.วางแผนการใช้จ่าย ระมัดระวังเรื่องการลงทุน หลีกเลี่ยงการกู้ยืมเงินโดยไม่จำเป็นจริงๆ และระวังมิจฉาชีพที่จะหลอกลวงด้วยวิธีต่างๆ ทั้งการค้าขาย การโฆษณาเกินจริง การล่อด้วยกิเลสให้เข้าถึงการรักษา หยูกยา รวมถึงวัคซีนต่างๆ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news