สธ.แจงแบ่งวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสให้ 4 กลุ่ม เน้นบุคลากรทางการแพทย์ – ปัดข่าวนำฉีดให้กลุ่มVIP
นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 (Pfizer) กล่าวถึงการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ โดยยืนยันว่า การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ ที่ได้รับบริจาคจาก รัฐบาลของสหรัฐอเมริการอบนี้ จำนวน กว่า 1.5 ล้านโดส แบ่งออกเป็น 4 ส่วน
1. จัดสรรให้บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า ดูแล ผู้ป่วยโควิดโดยตรงและการทำงานมีความเสี่ยง ทั่วประเทศ 7 แสนโดส
2. จัดสรรให้จังหวัดที่มีการระบาดที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด โดยในวันที่ สธ.จัดสรรให้คือ 13 จังหวัด รวม 640,5000 โดส
3. จัดสรรให้กระทรวงการต่างประเทศ สำหรับ ผู้ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ จำนวน 1.5 แสนโดส
4. เก็บไว้สำหรับการศึกษาวิจัยจำนวน 5000 โดส และ อีก 3,450 โดส เก็บไว้เพื่อใช้ในการควบคุมการระบาดของ สายพันธุ์เดลต้า
ทางด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงรายละเอียดของการจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติม ว่า วันนี้ มีการส่งมอบวัคซีนไฟเซอร์อย่างเป็นทางการ ที่ ทำเนียบรัฐบาล จำนวน 1,503,450 โดส ซึ่งเมื่อวานที่ผ่านมา มติคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ให้คำแนะนำการให้วัคซีนโควิด-19 ของ ไฟเซอร์ ในบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยมีหลักเกณฑ์ ว่า บุคลากรที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค หรือ วัคซีนซิโนฟาร์มครบ 2 เข็ม แล้ว ให้กระตุ้นด้วย ไฟเซอร์ 1 เข็ม ส่วนบุคลากรที่ได้รับวัคซีนใดๆมาแล้วเพียง 1 เข็ม พิจารณาให้ไฟเซอร์เป็น เป็นเข็มที่ 2
สำหรับบุคลากรที่ไม่เคยได้รับวัคซีนใดๆ มาก่อน พิจารณาให้วัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม ห่างกัน 3 สัปดาห์ และบุคลากรที่เคยติดเชื้อโควิด-19 และไม่เคยได้รับวัคซีน พิจารณาให้วัคซีนไฟเซอร์ 1 เข็ม โดยมีระยะห่างจากที่พบการติดเชื้ออย่างน้อย 1 เดือน
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าว มีกลุ่ม VIP อ้างว่าได้รับการวัคซีนไฟเซอร์ แล้ว ในเรื่องนี้ อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงว่าวัคซีนไฟเซอร์เพิ่งจัดส่งมาถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 ก.ค. และขณะนี้ยังคงเก็บรักษาไว้ที่คลังเก็บวัคซีน ยังไม่ได้กระจายออกไปที่ใด ดังนั้น กระแสข่าวดังกล่าว ยืนยันว่าไม่ใช่ วัคซีนไฟเซอร์ ที่ สธ.ได้รับมาในรอบนี้ อย่างแน่นอน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news