มท.1ย้ำจำเป็นตั้งรพ.สนาม
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ประชาชนชาวสมุทรสาครคัดค้านการตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ชุมชนรอบมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสมุทรสาคร โดยผู้คัดค้านระบุว่า เป็นใจกลางของชุมชน และมีประชากรไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคนนั้น ว่า เป็นเรื่องของกระทรวงสาธารณสุข แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่ต้องจัดการดูแล ซึ่งในจังหวัดสมุทรสาครมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จึงจำเป็นจะต้องหาพื้นที่ในการคัดแยกบุคคลที่ติดเชื้อ เพราะหากปล่อยให้กลับไปอยู่ในชุมชนจะเสี่ยงเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง และจะส่งผลเสียในอนาคตได้ จึงจำเป็นจะต้องมีโรงพยาบาลสนามเพื่อทำการรักษา ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดได้มีการประชุมหารือกันแล้ว ซึ่งต้องขอความร่วมมือสื่อมวลชนเป็นสื่อกลางสร้างความเข้าใจกับประชาชนถึงความจำเป็นที่จะต้องตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ๆเหมาะสม และจะต้องมีมาตรการที่ไม่ส่งผลกระทบกับประชาชนโดยรอบ ขณะที่สาธารณสุขต้องประกันให้ได้ว่าประชาชนจะมีความปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 เช่นนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ อย่างไรก็ตามพล.อ.อนุพงษ์ ย้ำว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องตั้งโรงพยาบาลสนาม และส่วนตัวเชื่อว่าสามารถทำได้ นอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงการเตรียมขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวชั่วคราว บัตรสีชมพู เพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานหลบหนี หรือนายจ้างทิ้งนอกพื้นที่ ว่า การดำเนินการมีหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อดำเนินการให้ทาง กฎหมายแรงงานต่างด้าวเหล่านี้จะมารถอยู่ในแผ่นดินไทยและทำงานได้อย่างถูกกฎหมาย โดยขั้นตอนจะต้องมีการตรวจโควิด-19 ก่อน เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้คาดว่ากระทรวงแรงงานในฐานะเจ้าภาพจะดำเนินการรวบรวมข้อเสนอและขั้นตอนปฏิบัติสำหรับแต่ละหน่วยงานว่าควรทำอย่างไรบ้างให้แล้วเสร็จ และเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในสัปดาห์หน้า โดยระหว่างนี้ได้แจ้งให้แต่ละโรงงาน สำรวจปริมาณแรงงานต่างด้าวที่จะขึ้นทะเบียนทั้งหมด เพื่อเตรียมการเบื้องต้น และขอไม่ให้เคลื่อนย้ายแรงงานเด็ดขาด โดยเบื้องต้นอาจใช้แนวทางให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการที่โรงงานเลย พร้อมขอความร่วมมือแรงงานอย่าตื่นตระหนก และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปด้วยดี อีกทั้งเมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว จะได้มีฐานข้อมูลตัวเลขแรงงานต่างด้าวอย่างชัดเจน และจะสามารถบังคับให้ปฏิบัติตามข้อกฎหมายได้