แสงสว่างปลายอุโมงค์โควิด
แสงสว่างปลายอุโมงค์โควิด
@ในขณะ สัญญานคู่ขนาน”การเมือง-โควิด”ที่ยอดวันนี้ยังคงพุ่งแรงผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 18,901 สะสม 652,185เสียชีวิต 147 ที่แม้วันนี้ยอดผู้หายป่วยกลับบ้านจะดูดีเกือบตีเสมอที่18,590 ราย แต่ด้วย”ตัวเลขซ่อน”ของการตรวจแบบไม่เป็นทางการด้วยตัวเอง จากประชาชน ที่มีผลบวก การรายงานประมาณ 2 พันกว่าคน ที่ยังไม่นับรวมที่ยังไม่แจ้งเข้าระบบ ที่หมายรวมว่ายอดวันนี้ถึง 2 หมื่นเป็นครั้งแรก ที่แม้บางฝ่ายจะบอกว่าเป็น”สัญญาน”ในทิศทางบวกกับการ”รุกตรวจค้นหา”เพื่อเข้าสู่การรักษาได้ทันเพื่อไปลดการเสียชีวิต แต่ก็ยังมี”ข้ออ่อน”หลายจุด ที่”ฝ่ายปฏิบัติ”และ”หมอหน้างาน”ต้องคอยแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายวัน ไม่ว่าจะเป็นมิติของการ”ป้องกัน”หรือ”รักษา” ที่นอกจาก”บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า”ยังเป็น”หนังหน้าไฟ”ที่อึดอัดต่อการอธิบายกับ”ประชาชน”ผู้เจ็บป่วยและสูญเสียแล้ว ยังกลายเป็น”บุคลากรทางการแพทย์”เองก็ได้รับผลกระทบถูกไฟลามไปด้วย ตัวเองต้องติดเชื้อจากปัญหา”ระบบล้น”เตียงเต็มในขณะที่”ด่านหน้า”ไม่มีเสื้อเกราะ”วัคซีน”ที่กันสายพันธุ์เดลตาได้ ที่โดยส่วนใหญ่”บานปลาย”มาจาก นโยบาย มาตรการ และ การบริหารจัดการจาก”ศูนย์สั่งการ”รัฐบาลที่”รวมศูนย์”ที่ ศบค.และ”นายกฯลุงตู่”ที่บริหารแบบ”ซิงเกิ้ลคอมมานด์”
@ที่ปัญหาเหล่านี้นำมาสู่ภาพหดหู่การรอเตียงเสียชีวิต ทั้งในบ้าน และริมถนน จนเสียงบ่นก่นด่ารัฐบาลและ”นายกฯลุงตู่”ดังขึ้นเรื่อยๆ จนต้องมีการใช้ พรก.ฉุกเฉิน ให้ กสทช.ออกประกาศควบคุมการนำเสนอข่าวและการแพร่”ความจริง”อัน”น่ากลัว”โดยมีมาตรการ”ตัดอินเทอร์เน็ต”วันก่อน ที่ก็ยังสร้าง”แรงกระเพื่อม”ไปบรรจบกับภาพการ”เปิดรูระบายความไม่พอใจของสังคม”ผ่านปรากฏการณ์”คาร์ม็อบ”ในต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ และภาพการกลับมาของกลุ่มเคลื่อนไหวเสื้อแดง และกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆที่เดือดร้อนจากสถานการณ์”ศึกโควิด”ที่ยืดเยื้อ รวมไปถึง อดีตกองหนุน ในกปปส.ระดับแกนนำหลายคน ที่ออกมาในท่วงทำนอง เดียวกันว่าการไม่สามารถจัดการ”โควิด”และสถานการณ์ยิ่งทวีความร้ายแรงและเกิดการสูญเสียชีวิตผู้คนรายวันจนทำให้แทบไร้ความหวังกับ”แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์”ว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เป็นเพราะตัว”ผู้นำ”ที่ไม่สามารถจัดการปัญหาได้ทั้งในมิติ”การบ้าน”และ”การเมือง”ที่เกิดภาพ”ปะปน”จนส่งผลกระทบหลายครั้งหลายคราจาก”ฝ่ายการเมือง”ในรัฐบาลเช่นกรณีระหว่าง”พปชร.”กับ”ภท.”กรณี กทม. กับ สธ.ที่มีทั้งเรื่องท่าทีและปมครหา”ผลประโยชน์” จึงพุ่งเป้าเรียกร้องให้”นายกฯลุงตู่”ลาออก
@กระนั้นในส่วนของ”นายกฯลุงตู่” ที่ยังคงยืนกรานแบบ”นายกฯขุนทหาร”ว่าจะสู้รบกับสงครามโควิดต่อไปแบบตัวตายก็ยอม โดยยังคงมาใน”มุกถนัด”คือการ”ควบคุมสถานการณ์”ด้วย”โหมดความมั่นคง”อย่าง”มาตรการล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว”ที่ขยายต่อไปจากวันนี้(3ส.ค.)ถึงสิ้นเดือน และขยายการควบคุม”สีแดงเข้ม”จาก13จว.เป็น29จังหวัด หลังก่อนหน้านี้มีแนวทางผลักดันคนกลับไปรักษาที่บ้านเกิด เพื่อระบายตัวเลขและปัญหา”ระบบสาธารณสุขล่ม”เตียงเต็ม ของกรุงเทพปริมณฑล ทั้งที่ตัวเลขทางการผู้ติดเชื้อ ตั้งแต่”ล็อกดาวน์”12ก.ค.ที่ขึ้นหมื่นครั้งแรกวันที่17ก.ค.และยาวมาจนแตะๆ2หมื่นวันนี้ในขณะที่ผู้เสียชีวิตก็ทำ”นิวไฮ”กว่าร้อยมาตั้งแต่12ก.ค. ที่ก็สอดรับกับคำแนะนำจาก”หมอ”หลายท่านออกมาแนะว่า”ล็อกดาวน์”อาจไม่ใช่”คำตอบ”ของสถานการณ์ระบาดที่เป็น”พันธุ์เดลตา”ที่มีการกระจายติดเร็วแบบโรคอีสุกอีใส โดยที่จะเป็นคำตอบคือการจัดการ”ระบบสาธารณสุข”ให้สามารถรองรับการเจ็บป่วยเสียชีวิต ตั้งแต่ การป้องกัน โดยการจัดการให้ประชาชนเข้าถึง”วัคซีน”ที่มีประสิทธิภาพ ที่มีปัญหา”วัคซีนม้าเต็ง”ที่คลุมเครือในสัญญาการผลิต จนกลายเป็น”วัคซีนทิพย์”ที่ส่งผลให้ยอดฉีดวัคซีนไม่เป็นไปตามเป้าการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่จนบานปลาย ไปจนถึง”การตรวจ-รักษา” ทั้งระบบการตรวจเอง รักษาเองกับบ้านของ”ผู้ป่วยเขียว”ที่ยังพบปัญหาการจัดการ”จ่ายยารักษา”จนทำให้กลายเป็นผู้ป่วยเหลืองและแดง
@โดยเฉพาะที่มีการออกมาเตือนจาก โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์เมื่อวานซืน(1ส.ค.)ว่า ยอดผู้ป่วยรายวันจะแตะ2หมื่นคนต่อวัน มีแนวโน้มว่าจะอยู่ระดับนี้ไปอีก2สัปดาห์ จะทำให้ภายในสัปดาห์หน้าประเทศอาจขาด “ยาฟาวิพิราเวียร์”ที่แม้วันนี้(3ส.ค.)องค์การเภสัชกรรม จะออกมาบอกว่า มีแผนขยายการผลิตยา “ฟาวิพิราเวียร์” ได้มากกว่า 40 ล้านเม็ดต่อเดือน ตั้งแต่ ต.ค.และมีการจัดหาจากต่างประเทศในเดือน ก.ค.แล้วจำนวน 13 ล้านเม็ด และในเดือน ส.ค. จะเข้ามาเพิ่มอีก 43.1 ล้านเม็ด แต่จาก “หน้างาน”ก็ยังมีปัญหาเรื่องการจัดยาชนิดนี้ได้ทันกับความต้องการของผู้ป่วยระดับเหลืองแดง จนยังคงเกิด ภาพความสูญเสียรายวันที่เมื่อมาผนวกกับมาตรการรัฐบาลที่ออกมา ที่ถูกมองว่า”ยังไม่ตอบโจทย์”กับความคาดหวังและความหวังผู้คน ทำให้”ปรากฏการณ์การเมือง ที่”รวมศูนย์”ไปที่การปลดล็อกที่ตัว”นายกฯ”จึงถูกนำมากลายเป็นประเด็น“แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์”แทนในห้วงเวลาถัดจากนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news