“ล็อกดาวน์ทิพย์29จว.โควิดเซ่น4แสนล.”
“ล็อกดาวน์ทิพย์29จว.โควิดเซ่น4แสนล.”
ล็อกแล้วล็อกอีก ล่าสุดรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์เพิ่ม 29 จังหวัด ว่ากันว่าส่วนใหญ่เป็นจังหวัดเศรษฐกิจอุตสาหกรรม แน่นอนว่าสร้างความกังวลให้กับภาคเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
ซึ่งล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการยกระดับและขยายพื้นที่ครั้งนี้ 300,000-400,000 ล้านบาท โดยจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม มีสัดส่วนถึงร้อยละ 78 ของ GDP ประเทศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเคลื่อนย้ายของประชาชนลดลงมาก ย่อมส่งผลกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยมองว่าในปีนี้มีโอกาสติดลบร้อยละ 1.5 ถึง ขยายตัวเป็น 0 เพราะเศรษฐกิจไทย ถือว่ายังวิกฤตและเผชิญความเสี่ยงค่อนข้างมากจากการระบาดระลอกใหม่ที่รวดเร็วและรุนแรง กระทบต่อความต้องการในประเทศ ถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งผลดีกับการส่งออกไทย ที่ในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 10-12
แต่การระบาดของโควิด-19 ในประเทศเวลานี้จะเป็นปัจจัยกดดันการส่งออกที่คิดว่าทำได้ดีให้ลดลงหรือไม่ โควิด-19 ถือเป็นตัวแปรสำคัญ เพราะการระบาดในจังหวัดภาคอุตสาหกรรมการผลิตเวลานี้กำลังส่งผลกระทบต่อการผลิตให้ลดลง หากยิ่งมีการติดเชื้อในวงกว้างปัญหาจะยิ่งบานปลาย รัฐบาลต้องช่วยด้วยการจัดหาวัคซีนให้กลุ่มแรงงานอย่างรวดเร็วและทั่วถึง เพราะเวลานี้ภาคเอกชนดูแลตัวเองอย่างเต็มที่แล้วในส่วนที่ทำได้ แต่ภาครัฐทำหน้าที่ของตัวเองมากพอในการสนับสนุนเรื่องวัคซีนหรือยัง เป็นคำถามที่หลายฝ่ายคาใจรวมถึงภาคเอกชนด้วย
ลอยแพให้ดูแลตัวเองไม่ว่า แต่ผลักภาระและสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นภาครัฐไม่ควรทำ โดยนางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ที่ปรึกษาสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สรท. เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า เวลานี้ภาคเอกชนทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อรักษาแรงงานของตัวเองไว้ ไม่ว่าจะเป็นการหาชุดตรวจเพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อออกจากแรงงานที่ปลอดภัย การใช้มาตรการ Bubble and Seal การตั้งโรงพยาบาลสนาม การเปิดศูนย์พักคอย รวมถึงการลงทุนจัดซื้อวัคซีนทางเลือกเพื่อใช้สำหรับพนักงานของตัวเองทำให้การผลิตยังคงอยู่ โรงงานขนาดเล็กอาจไม่สามารถทำได้อย่างโรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งมีคำถามว่าภาครัฐจะมีส่วนช่วยสนับสนุนภาคเอกชนอย่างไร เพราะเวลานี้ภาคเอกชนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดแล้วแต่ภาครัฐมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้นเต็มที่แล้วหรือไม่ ล็อกดาวน์ล็อกได้ แต่มาตรการจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องทำควบคู่กัน โดยเฉพาะการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค การจัดหาและกระจายวัคซีนที่ล่าช้าเหลือเกิน รัฐบาลทำเต็มที่แล้วหรือยัง
เศรษฐกิจไทยเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกปี จากโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ส่งผลกระทบตลอดครึ่งปีหลัง การควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังไม่ประสบความสำเร็จ จำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน รวมถึงจำนวนผู้ป่วยสะสมในโรงพยาบาลยังเพิ่มขึ้นในอัตราสูง ภาครัฐต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่วิกฤตและถลำลึกกว่าที่คาดไว้มาก ภาคธุรกิจบอบช้ำและต้องใช้พลังมากในการฟื้นฟู ผู้ประกอบการที่อ่อนล้า เสถียรภาพของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยง โดยภาคครัวเรือนเผชิญภาระหนี้ที่เพิ่มสูงกว่าร้อยละ 90 ต่อ GDP และต้องการการเยียวยาเพื่อชดเชยรายได้ที่หดหายไปในระยะนี้เมื่อประเมินจากภาวะเศรษฐกิจที่ถลำลึกกว่าที่คาดไว้มาก ภาครัฐจำเป็นสร้างความเชื่อมั่น โดยเตรียมความพร้อมในเรื่องของความเพียงพอของงบประมาณ เพดานหนี้สาธารณะควรขยายให้มากกว่าร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 65-70 ต่อ GDPเพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจในการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาวะวิกฤต รวมไปถึงการจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน เรียกว่าวัดกึ๋นกุนซือรัฐบาล มีเท่าไหร่ต้องงัดเอามาใช้ให้หมด เพราะถ้าไม่ใช้ความสามารถช่วงวิกฤต ไม่แน่ว่าอนาคตอาจไม่มีโอกาสได้ใช้อีก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news