“สาธิต” เชื่อ รพ.สนามแสงแห่งใจ ช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนเตียง กทม.-ปริมณฑลได้ เตรียมลุยต่อ รพ.สนามเลิดสิน
นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึง รพ.สนามแสงแห่งใจ จ.สมุทรปราการ ว่าเกิดจากความร่วมมือของภาคเอกชนและมูลนิธิต่างๆ ร่วมกันจัดตั้งขึ้น ขนาด 450 เตียง โดยเปิดรับตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งรับดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียวและสีเหลืองจากทุกจังหวัด ที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์
โดยมีทีมแพทย์เฉพาะทางและพยาบาลจากกลุ่มโรงพยาบาลพิษณุเวช 3 จังหวัด พิษณุโลก พิจิตร และอุตรดิตถ์ ในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ให้การดูแลผู้ป่วย มีห้องฉุกเฉิน และเตียงสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจชนิด High-Flow จำนวน 76 เตียง รองรับผู้ป่วยที่มีอาการสีเหลืองเข้ม ถือได้ว่าเป็นโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงที่รองรับผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียวและกลุ่มสีเหลือง เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่จะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับโรงพยาบาลหลักในจังหวัดสมุทรปราการและ กทม. ได้
นอกจากนี้ ได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการดูแลผู้ป่วยเพื่อลดการสัมผัสและรับเชื้อ อาทิ ระบบ telemedicine tablet “ไข่ต้ม ฮอสพิทอล” (Kaitomm Hospital) ใช้ในการสื่อสารกับผู้ป่วย จัดส่งอาหาร และยา ด้วยหุ่นยนต์ปิ่นโต มีระบบกรองอากาศแบบ All fresh air ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ มีระบบ CCTV และระบบ Security คอยดูแลความปลอดภัยภายในโรงพยาบาล รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่จากส่วนราชการในพื้นที่ในการสนับสนุน โดยเปิดลงทะเบียนและคัดกรองผู้ป่วยผ่านเว็บไซต์ www.โรงพยาบาลสนามแสงแห่งใจ.com หรือโทร. Call Center 02-1167888 ระหว่างเวลา 08:00 น. -18:00 น. ทุกวัน
ขณะเดียวกัน จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลเลิดสิน เพื่อเตรียมพื้นที่ในการจัดทำเป็นโรงพยาบาลสนาม ก็ได้ตรวจการดำเนินงานการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ปัจจุบันโรงพยาบาลเลิดสิน มีเตียงรองรับผู้ป่วยจำนวน 107 เตียง การใช้พื้นที่เพื่อจัดทำเป็นโรงพยาบาลสนาม จะทำให้สามารถรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้มากขึ้นและรองรับผู้ป่วยได้ทุกกลุ่มสีด้วย
อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงเป็นเรื่องของทุกคน ที่ต้องช่วยกัน ร่วมมือกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
