ม็อบทะลุฟ้า รวมตัวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก่อนเคลื่อนขบวนยื่นหนังสือทะลุโลก สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา และจีน
ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ที่ผ่านมาซึ่งเป็นเวลานัดหมาย ของกลุ่มทะลุฟ้าในชื่อ #ม็อบ20สิงหา คาร์ม็อบสัญจรยื่นหนังสือทะลุโลกมีมวลชนและผู้สนใจกิจกรรมทยอยเดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรม นายทรงพล สนธิรักษ์ หรือ ยาใจ โฆษกกลุ่มทะลุฟ้า กล่าวก่อนเคลื่อนขบวน ว่า จุดประสงค์ในการจัดกิจกรรมวันนี้ตั้งใจ เสนอข้อเท็จจริงผ่านการยื่นหนังสือไปตามสถานทูตต่างๆ ซึ่งวันนี้จะมีการเดินทางไปทั้งหมด 3 สถานทูต ได้แก่ สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์, สถานทูตอเมริกา และสถานทูตจีน
โดยสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ เป็นการยื่นหนังสือเรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสลายการชุมนุมที่เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ขัดต่อสนธิสัญญาเจนีวาที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ลงนามร่วมกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์, สถานทูตสหรัฐอเมริกา เป็นการยื่นเรื่องการจัดสรรวัคซีนที่ประเทศไทยได้รับวัคซีน
ไฟเซอร์ แต่จัดสรรอย่างไม่โปร่งใสแทนที่จะจัดสรรให้กับบุคลากรทางการแพทย์ก่อนแต่กลับจัดสรรให้บุคลากรในกองทัพ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนสถานทูตจีนจะเป็นการยื่นหนังสือเกี่ยวกับการจัดซื้อวัคซีนยี่ห้อ ซิโนแวค จากประเทศจีนซึ่งวัคซีนยี่ห้อดังกล่าวถือว่าไม่มีประสิทธิภาพในการรับมือกับสายพันธุ์เดลต้า
ซึ่งการจัดกิจกรรมในวันนี้เพื่อเป็นการให้ประชาคมโลกได้รับรู้ถึงความล้มเหลวของรัฐบาลไทย ที่นำโดยการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า เห็นได้จากประชาชนจำนวนมากต้องเสียชีวิตจากการติดเชื้อ
นายทรงพล ยืนยันว่า สำหรับการออกมาทำกิจกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำตามสิทธิที่ทำได้ ไม่กังวลว่าจะเกิดสถานการณ์รุนแรงและคิดว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าใจถึงความเดือดร้อนของภาคประชาชนที่จำเป็นจะต้องออกมาเคลื่อนไหว
สำหรับเหตุการณ์เมื่อวานนี้ (19 ส.ค.) ที่มีการเผาหุ่นฟาง เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เป็น 10 ขั้นพื้นฐาน หลังจากนี้ยืนยันว่าจะเดินหน้าทำกิจกรรมตอกย้ำวิพากษ์วิจารณ์ความล้มเหลวของรัฐบาลต่อไปและเมื่อเวลา 11.00 น. กลุ่มมวลชนทะลุฟ้าได้เริ่มเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเพื่อไปยังสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news