ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 บวกกับการบริหารงานของรัฐบาลที่ไม่ค่อยเข้าเป้าในการแก้ปัญหา ทำสถานการณ์ประเทศแย่ลง ผสมเกมการเมืองที่ต้องการให้ “บิ๊กตู่”และชาวคณะลงจากอำนาจ หลังอยู่ในตำแหน่งมานาน 7 ปี จึงนำมาสู่การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านอีกครั้ง หลัง 2 ครั้งก่อนล้มเหลว พ่ายแพ้ย่อยยับ เสียแนวร่วม เสียงูเห่าให้ฝ่ายตรงข้าม และที่สำคัญคือเสียหน้า เพราะไม่สามารถเอามือฝ่ายรัฐบาลมาได้ แต่กลับต้องเสียคน เสียมือของตัวเอง ครั้งนี้ เป้าหมายหลัก ล้วนมาจาก ตัวบุคคลที่รับผิดชอบแก้ไขปัญหาโควิด 19 ทั้งสิ้น
เพื่อวัดใจ ส.ส.ทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาลอีกคำรบ เพราะตลอดระยะเวลา 1 ปีครึ่งของการต่อสู้กับโควิด ช่วยเหลือประชาชนนั้น ทุกคนได้เห็นแล้ว ใครคือจุดอ่อน ใครคือตัวปัญหา ใครคือคนผิดพลาด จนยอดติดเชื้อโควิดทะลุล้าน เสียชีวิตเหยียบหมื่น แต่ฉีดวัคซีนไม่ทั่วถึง
ข้อกล่าวหา 6 เป้าซักฟอก
1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
– เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้คุณธรรมจริยธรรมและไร้ความสามารถ ที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผู้นำประเทศ
– บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องเสียหายอย่างร้ายแรงทุกด้าน โดยเฉพาะในยามที่บ้านเมืองต้องประสบกับปัญหาโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2563 จนถึงปัจจุบัน
2.อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
-ขาดซึ่งองค์ความรู้ ไร้ซึ่งภูมิปัญญาและความสามารถในการกำกับดูแลงานด้านสาธารณสุขของประเทศ
– มีพฤติกรรมคุยโม้โอ้อวด ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
– ฉ้อฉล หลอกลวงประชาชน ส่งผลให้การบริหารงานของกระทรวงสาธารณสุขล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะการรับมือกับโรคอุบัติใหม่โควิด-19
3.สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
-เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญาและไร้ความรู้ความสามารถที่จะบริหารราชการของกระทรวงแรงงาน ทำให้ผู้ใช้แรงงานได้รับผลกระทบทั้งระบบ
-จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย กระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ส่อว่าจงใจและมีผลประโยชน์ทับซ้อน
– ปล่อยปละละเลยให้แรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จนเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดโควิด-19 กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ
– ไม่มีมาตรการรองรับผลกระทบ จนผู้ใช้แรงงานต้องตกงานจำนวนมาก ใช้ชีวิตตามยถากรรม นักศึกษาจบใหม่ไม่มีงานทำ อัตราการว่างงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์
4.ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
– มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
– มุ่งแต่แสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์จากโครงการขนาดใหญ่ของหน่วยงานในกำกับดูแล รู้เห็นและปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต
– ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เข้าบุกรุกครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อนำมาเป็นของตนและเครือญาติโดยการฉ้อฉล ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐอย่างายแรง
– ประพฤติตัวเสเพลไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมโรค เป็นต้นตอการแพร่ระบาดโควิด-19 ไปทั่วประเทศจนถึงปัจจุบัน
5.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
– เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญาและไร้ความสามารถในการบริหารงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำให้การบริหารงานด้านการเกษตรล้มเหลวทั้งระบบ
– มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
– ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เข้าไปมีส่วนได้เสียในการเรียกรับผลประโยชน์ สร้างความเสียหายแก่รัฐ
– ไม่ปกป้องรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จงใจเบียดบังเอาทรัพยากรของชาติไปให้พวกพ้อง
– ปล่อยปละละเลยให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคในสัตว์ ส่งผลเสียหายแก่เกษตรกร
6.ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
– มีพฤติการณ์จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน ทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
– ใช้ตำแหน่งหน้าที่และสื่อของรัฐ เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงสร้างความแตกแยกในสังคม ทำลายบรรทัดฐานอันดีของสังคม มุ่งประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าประโยชน์ของชาติและประชาชน
– ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
จะเห็นได้ว่า ข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน ที่มีต่อ นายกรัฐมนตรี และ 5 รัฐมนตรีที่ถูกยื่นญัตตินั้น มีความรุนแรง และกว้างขวางเป็นอย่างมาก หนักเบาแตกต่างกัน ใครได้เห็น ใครได้อ่านคงต้องอุทานคำโต โอ้มาก็อด แต่นั้นก็คือข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นไปตามกลไกการตรวจสอบของระบอบประชาธิปไตย ในระบบรัฐสภา ซึ่งเมื่อถึงวันอภิปรายในสภา ฝ่ายค้านจะต้องงัดข้อมูล และหลักฐาน เพื่อชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาด และล้มเหลว ต่างๆ นานา ว่าเป็นจริง หรือมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด แต่ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีและ 5 รัฐมนตรี ก็มีสิทธิ์ที่จะชี้แจงตอบโต้ ด้วยเช่นกัน จึงต้องรอดูกันว่า ฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล ใครจะมีหลักฐานเด็ด หมัดน็อก มากกว่ากัน รวมถึงเกมการต่อรองของบรรดานักการเมืองขั้วต่างๆด้วย เพราะการเมือง คือเรื่องของผลประโยชน์ ส่วนผู้รับผลประโยชน์สูงสุด จะใช่ประชาชนหรือไม่ คงต้องรอติดตาม เพราะ 2 ครั้งที่ผ่านมา เกมการต่อรองดุเดือดมากแค่ไหน ก็เห็นกันมาแล้ว ว่ามีแรงกระเพื่อม คลื่นใต้น้ำก่อนลงมติมากน้อยแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดก็ปิดดีล อยู่กันมาได้จนถึงวันนี้ ซึ่งในครั้งที่ 3 นี้ก็ต้องวัดใจ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติในสภา ว่ายืนจะอยู่ข้างประชาชน หรือ จะอยู่บนมติของพรรคที่ตัวเองสังกัด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news