คลิปฉาวโฉ่ที่สามีบุกพังบ้านยับเพราะไม่พอใจภรรยาที่ไม่ยอมให้ผู้หญิงอีกคนเข้ามาอยู่ในบ้านแบบ 3 คน ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างล้นหลามถึงขนาดได้ไปออกรายการสดบนโทรทัศน์ ฝั่งสามีคนพังบ้านยอมรับต่อหน้ากล้องอย่างแมนๆว่า อยากรับแฟนใหม่อีกคนที่เป็น Sex Worker ให้มาเป็นภรรยาเพื่อจะได้มีชีวิตที่สุขสบาย รวมถึงเธอเป็นคนทำอาหารเก่งจะต้องช่วยดูแลปากท้องคนในบ้านได้แน่ๆ
วีรกรรมของคุณสามีอกสามศอกไม่เพียงแค่จะต้องจำใจทลายรังรักที่มีกับภรรยาหลวงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องบดขยี้ขนบธรรมเนียม การมีภรรยาคนเดียว(Monogamy) ที่สร้างมาเกือบร้อยปีนับตั้งแต่ พ.ศ.2475 ให้ย้อนกลับไปในสมัยก่อนหน้าที่ยังนับถือความคิดแบบ การมีคู่ครองหลายคน(Polygyny) แม้จะเป็นแนวคิดโบราณๆ แต่ในยุคที่มีการเซ็นต์ทะเบียนสมรส นักวิชาการก็ยังถกเถียงกันอยู่ว่าระบบความคิดPolygynyที่ถูกเปลี่ยนไปนั้นแย่จริงๆหรือเปล่า
“ตบมือข้างเดียวสิดังติ้? ถ้าแฟนเธอบ่มีใจ”
David Lawson เคยออกมาพูดถึงการผลักดันของ UN ให้ทุกประเทศแต่งงานกับคนที่รักเพียงคนเดียว ว่าความคิดแบบนี้ อาจเป็นการมองข้ามปัจจัยทางภูมิศาสตร์และลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรมบางอย่างไป ผลการวิจัยของ David พบว่าครอบครัวในประเทศแทนซาเนียที่อยู่กันเป็นกลุ่มก้อนด้วยการแบ่งสามีร่วมกันจะมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจมากกว่า รวมถึง Magaret Mead นักมนุษยวิทยาหญิงก็เคยบอกเช่นเดียวกันว่าการมีภรรยาหรือสามีคนเดียว (Monogamy) ไม่ได้แสดงถึงการมีอารยธรรมอย่างที่ทุกคนคิดกันเลย
ในไทยเอง ช่วงสมัยอยุธยาก็ค้นพบหลักฐานการออกกฎ “พระไอยการลักษณะผัวเมีย” ที่นิยามคำว่า ‘เมีย’ ออกเป็น 3 แบบ ได้แก่ เมียกลางเมือง, เมียกลางนอก และ เมียกลางทาษี ที่หมายถึง ภรรยาที่ถูกผู้ชายไถ่ตัวมาเลี้ยงให้หลุดพ้นจากความยากลำบาก จึงเห็นได้ว่า ระบบPolygyny ก็ช่วยให้ผู้หญิงมีชีวิตรอดจากความลำบากได้เช่นกัน
“ความฮักมันควรสิมีสองคนเท่านั่น”
แนวคิดMonogamy เริ่มเข้ามามีบทบาทในไทยสมัยรัชกาลที่ 4 ผ่านมิชชันนารีที่เข้ามาเผยแพร่ความคิดแบบตะวันตก ประกอบกับการไล่ล่าอาณานิคมทำให้ชาวสยาม ณ ตอนนั้นต้องจรลีหนีให้พ้นจากความล้าหลังแบบไทยเดิมไปสู่สังคมไทยรูปแบบใหม่ที่ดูปัง ทันสมัย และศิวิไลซ์แบบชาวตะวันตกที่กำลังสะบัดพัดมองเหยียดความเป็นเอเชีย ความรักเดียวใจเดียวของหนุ่มสาวแบบอังกฤษในสมัยวิคตอเรียนี้จึงถูกนำเข้ามาเพื่อลบความป่าเถื่อนแบบไทยๆออกไปโดยตีความว่า Polygyny ที่ผู้ชายมีภรรยามากกว่าหนึ่งคนนั้นทำให้ผู้หญิงถูกกดขี่เหมือนหมา และหันไปส่งเสริมระบบแบบฝรั่งกันโต้งๆโดยไม่คิดที่จะปรับแต่งให้เหมาะสมกับสภาพสังคมไทยก่อนหน้านั้นเลย
“ขอแค่ฉันได้ฮัก บ่แคร์อีหยังทั้งนั่น”
นั่งทามแมชชีนย้อนกลับมาในปัจจุบัน ด้วยความคิดของฝรั่งที่เรารีบร้อนรับมาก่อนหน้า ส่งผลให้ผู้หญิงที่รับบท ‘เมียน้อย’ กับผู้ชายจอมเจ้าชู้จึงมักถูกสังคมประนามให้มีโทษขั้นร้ายแรง(แม้จะไม่ถึงคุกถึงตารางก็ตาม) แต่ก็ใช่ว่า ภรรยาหมายเลข2 3 4 จะหมดสิ้นไปจากสังคมไทย เพราะในทีวีละครตบตีมีชะนีแย่งผู้ชายก็ยังถูกออนแอร์ให้เห็นกันอยู่ทุกคืน เพียงแต่เปลี่ยนจากสถานะของนางสนมที่เคยอยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมายให้ต่ำเตี้ยลงไปสู่ตัวละครลับในบ้านเล็กๆ รอวันที่ฮองเฮาเสด็จหลังจากรู้ความจริง
จากอดีตที่ผู้หญิงเลือกหนีความยากลำบากวิ่งเข้าหาผู้ชายอย่างชอบธรรม มาสู่ปัจจุบันที่ยังคงตรากตรำและเลือกที่จะพึ่งบารมีผู้ชายอยู่ ประเด็นเรื่องการมีภรรยาหลายคนที่ว่ากันว่าเป็นการลดทอนศักดิ์ศรีของผู้หญิงอาจไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะถ้าหากผู้หญิงเลือกที่จะยืนอยู่ในตำแหน่งมือที่สามด้วยพิษจากความยากลำบาก สิ่งที่สำคัญน่าจะเป็นคำถามที่ว่า “อะไร…ที่กดทับชีวิตผู้หญิงให้ยังคงตกระกำลำบาก ถึงขนาดยอมโดนดูถูกเพื่อแลกความสบายจากผู้ชายที่แต่งงานแล้ว?”
ติดตามคอนเทนต์เปิดโลก บทความสุขภาพดีๆ และไลฟ์สไตล์โดนๆได้ที่ iNN Lifestyle
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.pnas.org/content/112/45/13827
https://www.silpa-mag.com/history/article_28423
https://www.youtube.com/watch?v=n2NBobUxzew&t=1309s&ab_channel=VOICETV
https://www.youtube.com/watch?v=ItNAXLHWT08&t=346s&ab_channel=echo