เรื่องใหญ่สำหรับชาวมาร์เก็ตติ้งและพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ หลังจากนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส อธิบดีกรมสรรพากร เตรียมจัดตั้งเรื่องการจัดเก็บภาษีออนไลน์หรือ e-Service ในอัตรา 7% และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กันยายน 2564 ที่จะถึงนี้ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมาธุรกิจออนไลน์ในไทยที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทไม่เคยต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มบนแพลตฟอร์มของต่างประเทศนั่นเอง โดยการเก็บครั้งนี้มุ่งเป้ายอดภาษีที่เก็บได้จะมีมูลค่ามากถึงปีละ 5 พันล้านบาท
โดยสำหรับผู้ประกอบการที่เคยกรอกหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ในการตั้งค่าการชำระเงินของ Facebook แล้วนั้น VAT จะไม่รวมอยู่ในการซื้อโฆษณาบน Facebook ของผู้ใช้ แต่จะอยู่ภายใต้การเรียกเก็บภาษีย้อนหลังตามกฎหมายสำหรับธุรกิจที่ได้ทำการเพิ่มหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการลงโฆษณา 10,000 บาท ผู้ประกอบการต้องใช้เงินทั้งสิ้น 10,700 บาท (10,000 บาทตัดจากบัตรเครดิตจ่ายให้กับ Facebook + 700 บาท ยื่นให้กับสรรพากร ภ.พ.36 ด้วยตนเอง)
ซึ่งผู้ประกอบการท่านใดที่ต้องการกรอกหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีบน Facebook สามารกดได้ ที่นี่
สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ได้กรอกหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี บนการตั้งค่าการชำระเงินของ Facebook นั้น VAT จะรวมอยู่ในใบเสร็จให้เลย เช่น หากผู้ประกอบการลงค่าโฆษณาไป 10,000 บาท ก็จะใช้ได้แค่ 9,300 เท่านั้น เพราะ 700 บาทที่หักไปจะเป็นค่า VAT นั่นเอง)
ปัญหาการเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับโฆษณาบนหน้าจอ Facebook นั้นเป็นต้นทุน 7% ที่เพิ่มเข้ามา ดังนั้นผู้ประกอบการรายย่อย อาจวางแผลกลยุทธ์การขายด้วยการเพิ่มยอดขายผ่านโปรโมชั่น ที่จากเดิม 1 โฆษณาสามารถขายสินค้าได้เพียงชิ้นเดียว ให้ลองเปลี่ยนเป็น 1 โฆษณาขายได้ 1 โปรโมชั่นที่มีสินค้าหลายชิ้นในราคาที่ถูกลง หรือเลือกย้ายโฆษณาไปยังช่องทางอื่น เช่น การให้ความสำคัญกับ SEO, Line OA, Youtube, TikTok, Google Ad ที่อาจเสียต้นทุนน้อยลง
ติดตามข่าวสาระครบจบในที่เดียวที่ iNN News
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
