“สุทิน” โวยซักฟอกถูกสกัด ห้ามพาดพิงคนนอกสภา ไม่สามารถนำข้อมูลมาเปิดเผยได้อย่างเต็มที่
นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันแรก ว่าฝ่ายค้านกำลังพยายามชี้ให้เห็นถึงคนที่อยู่เบื้องหลัง และคนที่เชื่อมโยงผลประโยชน์ของวัคซีนซิโนแวค แต่กลับถูกห้ามอภิปรายพาดพิงถึงบุคคลภายนอกจากประธานการประชุม ทำให้การอภิปรายมีข้อจำกัด อภิปรายไม่เต็มที่ ไม่สามารถเปิดข้อมูลได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น จึงอยากให้มีการปรับข้อบังคับเพื่อให้อภิปรายได้เต็มที่ หรือให้สมาชิกฝ่ายค้านปรับวิธีการอภิปรายใหม่
ส่วนกรณีที่มีการตั้งคำถามว่าฝ่ายค้านใช้คำรุนแรงไปหรือไม่ ตนมองว่าเป็นการสะท้อนความรู้สึกที่สอดคล้องกับอารมณ์สังคม และระดับของปัญหาที่เกิดขึ้น
นายสุทิน ยังกล่าวถึงการทำงานของฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าพอใจแต่เมื่อวานอาจจะยังไม่เข้มข้น ซึ่งจะเข้มข้นในวันนี้ไปจนถึงวันสุดท้าย และสิ่งที่รัฐบาลปกปิดข้อมูลผู้ติดเชื้อ ซึ่งพรรคฝ่ายค้านมองว่ามีข้อพิรุธ
เนื่องจากมีการตรวจที่น้อยลง และมีการแจกชุด ATK ให้ประชาชนตรวจที่บ้าน และพบมีการติดเชื้อจำนวนมาก ซึ่งมองว่ามีผู้ติดเชื้อนอกระบบอีกจำนวนมากตัวเลขในระบบจึงน้อยลง เป็นการตกแต่งตัวเลขอำพรางสถานการณ์โควิด
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังตอบคำถามแบบไม่ชัดเจน ยังยืนยันว่า ทำงานได้ดี แก้ปัญหาได้ดี ฐานะการเงินการคลังยังดี เศรษฐกิจแข็งแรงกำลังฟื้นตัวซึ่งทำให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่ยอมรับความจริง ขณะเดียวกันไม่มีการตอบคำถามเรื่องการซื้อขายวัคซีนซิโนแวค ที่รัฐบาลเคยบอกว่า ซื้อแบบจีทูจี ไม่ต้องเสียภาษีแต่สิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปรายมีการเปิดหลักฐานเรื่องการเสียภาษี ซึ่งจากข้อมูลที่ปรากฎทั้งหมดใครเป็นคนโกหกกันแน่ รัฐบาลยังไม่ยอมรับและกลับมากล่าวหาฝ่ายค้านและคนวิจารณ์ด้อยค่าซิโนแวค จึงอยากถามว่า ทำไมถึงผูกมิตรกับจีน ทำไมไม่ผูกมิตรกับวัคซีนยี่ห้ออื่นๆ และยังมีไม่ใส่ใจในการชี้แจง โดยเฉพาะเรื่องส่วนต่างวัคซีนที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ 17 เหรียญต่อโดส และต่อมามีการจัดซื้อที่ลดลงจนถึง 8.5 เหรียญต่อโดส แต่ ครม. ยังอนุมัติเงินเท่าเดิม ซึ่งการตอบคำถามยังไม่มีชัดเจน ตอบเพียง ว่าเงินที่เหลือก็เข้าคลังไป ซึ่งฝ่ายค้านจะขอหลักฐานการจ่ายเงิน จะตามใบเสร็จมาแสดงให้ได้ เพราะส่วนต่างเป็นเงินจำนวนมากแต่มากเท่าไหร่ก็ไม่พอกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น
ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะไม่ยุบสภา และไม่ปรับ ครม. ว่า การพูดลักษณะนี้สะท้อนถึงความดื้อ โอหังคลั่งอำนาจ เพราะยังฟังไม่จบ ถือว่าปิดฉากการรับรู้เป็นโรคแพ้ไม่เป็น ซึ่งจุดจบมี 2 ทางคือ ถ้าไม่ออกก็จะมีคนทำให้ออก หรือการฆ่าคนตาย ถ้าไม่ฆ่าคนอื่น คนอื่นก็ไปฆ่าตัวเอง แต่สังหรณ์ใจว่าจะมีคนปลดมากกว่า