ดีเดย์คลายล็อก แต่บางจว.ฉีดวัคซีนแค่20%
ดีเดย์ 1 ก.ย. 2564 เริ่มคลายล็อกดาวน์ ตามที่ ศบค. ให้มีการปรับมาตรการควบคุมโควิด-19 พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม ทางสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ได้สัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างผู้ว่าราชการจังหวัด หรือนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ถึงความพร้อมในการบริการจัดการสถานการณ์ตามคำสั่งของหน่วยเหนือ ซึ่งส่วนใหญ่พร้อมผ่อนคลายเพื่อหวังผลทางด้านเศรษฐกิจ นายราชิต สุดพุ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เผยว่าทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดปัตตานีได้เตรียมพร้อมไว้ทุกมิติ ทั้งในเรื่องร้านอาหาร เครื่องดื่ม ที่กำหนดให้ร้านไม่มีเครื่องปรับอากาศนั่งได้ 75% ร้านมีเครื่องปรับอากาศ นั่งได้ 50% นั้นได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสุ่มตรวจตามร้านต่างๆว่ามีการตั้งโต๊ะตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้หรือไม่ หรือจะเป็นเรื่องการเดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดแต่เดิมต้องมีธุระจำเป็นเท่านั้น แต่เมื่อคลายล็อกดาวน์ก็เพียงแจ้งสถานที่ที่จะเดินทางเข้าไปในจังหวดให้เจ้าหน้าที่รับทราบเท่านั้น สำหรับภาพรวมจังหวัดฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 30 % คาดสถานการณ์โควิดน่าจะคลี่คลาย ผู้ติดเชื้อน้อยลงตามลำดับ
ขณะที่นายแพทย์ชัยวัฒน์ ทองไหม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ ระบุว่า อนาคตจะมีการกำหนดเพิ่มเติมเช่นว่าทางเจ้าของร้าน ต้องฉีดวัคซีนมาแล้ว หรือลูกค้าถ้าจะนั่งทานในร้านต้องฉีดวัคซีนมาแล้ว ส่วน นายแพทย์วิศณุ วิทยาบำรุง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสกลนครเผยว่า มาตราการร้านอาหารป็นไปตามข้อกำหนดของศบค. ยังไม่มีการเพิ่มเงื่อนไขในเรื่องของผู้ค้า หรือคนนั่งกินในร้านต้องผ่านการฉีดวัคซีนมาก่อน
ทั้งนี้ การผ่อนคลายมาตรการในครั้งนี้ มีหลายมาตราการที่ถูกจับตาอย่างมาก โดยเฉพาะการเปิดให้นั่งรับประทานอาหารในร้านอาหาร การเปิดห้างสรรพสินค้า การเดินทางออกนอกพื้นที่สีแดงเข้มเพื่อทำให้เศรษฐกิจในภาพรวมดีขึ้น แต่ยังมีหลายฝ่ายหรือระดับพ่อเมืองบางจังหวัดในพื้นที่สีแดงเข้มบอกกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. แสดงความกังวลว่า จะทำให้เกิดคลัสเตอร์ในร้านอาหาร ในห้างเพิ่มเติมหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องของการเปิดอาคาร สถานที่ เพื่อใช้สำหรับการเรียนการสอนแบบ On Site นั้น บางจังหวัดให้ขยายเวลางดจัดการเรียนการสอนแบบ On Site ไปอีก 14 วัน เว้นแต่กรณีมีสถานศึกษาผ่านการประเมินจากสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด และสาธารณสุข ว่ามีความปลอดภัย ซึ่งจะต้องมีมาตรการที่เข้มงวดและมีแผนเผชิญเหตุรองรับสถานการณ์
อย่างไรก็ตามเมื่อต้องการให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องยอม แต่สิ่งที่ช่วยเป็นเกราะป้องกันได้คือต้องเร่งการฉีดวัคซีนในประชาชนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ซึ่งเมื่อดูตัวเลขจากกระควบคุมโรค โดยผู้รับการฉีดวัคซีนแล้วพบว่า ในกรุงเทพและปริมณฑล เช่น นนทบุรี สมุทรปราการ นครปฐม ปทุมธานี นั้นฉีดวัคซีนเข็ม1 แล้วเกิน40% ขึ้นไป แต่ 29จังหวัดสีแดงเข้มบางจังหวัด ยังฉีดวัคซีนไม่ถึง30% เลย เช่นราชบุรี ลพบุรี สุพรรณบุรีฉีดไปแล้วประมาณ 20% หรือถ้าเป็นจังหวัดที่ไม่ใช่พื้นทีสีแดงเข้ม เช่นจ.ทางอีสานหลายแห่ง ฉีดวัคซีนประมาณ 15-18 % เท่านั้น
ต้องจับตาดูว่ามาตราการคลายล็อกเพื่อปลุกเศรษฐกิจท่ามกลางพื้นที่สีแดงเข้ม ที่วัคซีนยังปักแขนประชาชนไม่ถึง 50% จะประสบความสำเร็จหรือไม่ และจะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ๆตามมาได้หรือไม่?
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news