สธ.แถลงโควิดในไทยแนวโน้มลดลง ขณะคนไทยฉีดวัคซีนแล้วกว่า 35.2ล้านโดส ยืนยันประสิทธิผลวัคซีนทุกชนิดที่ใช้ในประเทศไทย
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 4 ก.ย.64 ว่าใน1เดือนที่ผ่านมา พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มลดลง มีแนวโน้มที่ดีโดยเฉพาะภาคเหนือและอีสาน ยกเว้น กทม.ภาคกลางและบางจังหวัดในภาคใต้ แต่ถึงแม้ว่าสถานการณ์ดีขึ้นแต่การสอบสวนโรคการค้นหาผู้ป่วยและความร่วมมือของประชาชนยังเป็นสิ่งสำคัญและขอให้มีการติดตามอย่างใด พร้อมระบุ ปัจุปันคนไทยฉีดวัคซีนแล้วกว่า 35.2 ล้านคน ในรอบ 24 ชม มีการฉีดวัคซีน 9.2 แสนโดส ถือเป็นรอบวันที่สูงสุด โดยแบ่งเป็นคนไทยได้รับวัคซีนเข็มแรก 24.9 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 34 % และเข็มที่ 2 จำนวน 9.6 ล้านคนหรือ หรือร้อยละ 13.5% โดยกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญคือ ผู้สูงอายุ 60 ขึ้นไป ฉีดแล้ว 5.1 ล้านคนหรือคิดเป็น ร้อยละ 47.5 บางจังหวัดอาทิ กทม. ปทุมธานี สมุทรสาคร ชลบุรี และสมุทรปราการ ฉีดได้เกินร้อยละ 50 โดยจำนวนผู้ที่ฉีดไปแล้ว 35.2 ล้านโดสไม่มีรายใดเสียชีวิตจากวัคซีนโดยตรง
ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ย้ำว่าการฉีดวัคซีนมีประโยชน์สูงในการป้องกันการติดเชื้อและการป่วยหนัก โดยยกตัวอย่างที่น่าสนใจที่จังหวัดภูเก็ต โครงการภูเก็ตแซนด์ บ็อกซ์ มีนักท่องเที่ยว เข้ามากว่า 2.7 หมื่นคน ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19วันแรกที่มาถึงและตรวจซ้ำ 2 ครั้ง จำนวน 85 ราย ไม่มีอาการหรืออาการน้อย ส่วนที่ติดเชื้อและมีอาการรักษาหายแล้ว 20 คน หรือคิดเป็น 0.3 % (300 คนพบ 1 คน) มีการดูแลและไม่ก่อให้เกิดปัญหาในการแพร่เชื้อแต่อย่างใด พร้อมยืนยันว่ามาตรการที่ทางภูเก็ตแซนด์ บ็อกซ์กำหนดไว้มีประสิทธิภาพที่ดีในการป้องกัน
ทั้งนี้ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. -31 ส.ค. ผลการตรวจพบเชื้อ 77 ราย มีประวัติฉีดวัคซีนทุกคนและวัคซีนทุกยี่ห้อที่มีการรับรอง จึงแสดงให้เห็นว่าแม้จะมีการฉีดวัคซีนแล้วแต่ก็ติดเชื้อได้ แต่ว่าไม่มีใครป่วยหนักหรือแพร่เชื้อให้คนอื่น และขณะนี้ระบบสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตนั้น มีศักยภาพในการดูแลและรองรับผู้ป่วยได้เป็นอย่างดีสามารถรองรับได้
อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันจัดซื้อวัคซีนถูกต้องโปร่งใส ปัดมีเงินทอน วอนอย่าด้อยค่าวัคซีนที่มีทุกชนิด ชี้ วัคซิโนแวคช่วยชีวิตคนไทยไว้มากช่วงระบาดเมื่อต้นปี
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันว่าการจัดซื้อวัคซีนไม่มีเรื่องเงินทอน อย่างแน่นอน โดยวัคซีนซิโนแวค ซึ่งเป็นวัคซีนเชื้อตาย กระทรวงสาธารณสุขจัดหามาตั้งแต่เดือน ก.พ.ในราคา 17 เหรียญ ต่อมาองค์การเภสัชกรรม จัดซื้อในราคา 9 เหรียญ หากเทียบกับวัคซีนเชื้อตายชนิดเดียวกันถูกกว่า 50 % โดยขอให้คนไทยอย่าด้อยค่าวัคซีนที่เรามี โดยเฉพาะวัคซีนซิโนแวคอย่าลืมว่าในช่วงที่ไทยต้องการวัคซีนมากที่สุดในเดือน ก.พ.-มีนา ที่มีการระบาดที่จังหวัดสมุทรสาคร ประเทศจีนช่วยเราไว้ ขณะที่ทั่วโลกต้องการวัคซีนจำนวนมาก แต่ทางการจีนได้เจียดวัคซีนมาให้เราทำให้ควบคุมการแพร่ระบาดที่สมุทรสาครได้ ดังนั้น วัคซีนซิโนแวค ถือว่าช่วยชีวิตคนไทยได้เยอะมากและการส่งมอบวัคซีนแต่ละครั้งไม่ว่ามากหรือน้อยได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลจีนทุกครั้ง เพราะรัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการทุจริตมากจึงยืนยันว่าไม่มีเงินทอนแน่นอน
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวด้วยว่า สำหรับวัคซีนไฟเซอร์(MrNA) ก็ซื้อถูกกว่าชนิดอื่น 50 % มีการเจรจาทำสัญญาตั้งแต่กลางปี 63 แต่เวลาเจรจาไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลสัญญาได้เพราะไม่ใช่สถานการณ์ปกติ แต่ไทยจำเป็นต้องลงนาม จองไป 30 ล้านโดส รับแจ้งว่าจะสามารถส่งให้ก่อนสัญญาภายในปลายเดือนนี้ และครบ30ล้านโดสภายในไตรมาส 4
ส่วนวัคซีนแอสตร้า เซเนก้า เช่นเดียวกัน มีการทำสัญญาตั้งแต่กลางปี 63 ตั้งแต่การวิจัยไม่เสร็จ จึงยังไม่มีการขึ้นทะเบียน เมื่อเห็นว่าแนวโน้มการวิจัยเสร็จ จึงได้เร่งดำเนินการทำสัญญาในการจองซื้อล่วงหน้า การลงนามสัญญาทุกบริษัทมีข้อกำหนดไม่เปิดเผยข้อมูลจนกว่าบริษัทจะได้รับการยินยอม ไทยจำเป็นต้องลงนามและในการลงนามทำสัญญามีการปรึกษาอัยการสูงสุด การใช้งบกลางหรืองบเงินกู้ ต้องผ่านความคิดชอบจากคณะรัฐมนตรี ปัจจุบันบริษัทแอสตร้าฯแจ้งว่าสามารถส่งมอบวัคซีน จำนวน 61 ล้านโดสได้ภายในปีนี้แน่นอน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news