นั่นคือ 2 หลักฐาน ว่าตำนาน 4 ช.แห่งพรรคพลังประชารัฐ ที่มีจุดเริ่มต้น ตั้งแต่ปรับคณะรัฐมนตรี เมื่อ ก.ค.ปี 2563
ทำให้ มี “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า,สันติ พร้อมพัฒน์,อธิรัฐ รัตนเศรษฐ์ และ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ และมีการเคลื่อนไหวกดดันต่อสู้ เลื่อยขาเก้าอี้กันไปมากับกลุ่ม 4 ว.มาอย่างต่อเนื่อง ได้สิ้นสุดลงเป็นที่เรียบร้อย เพราะเมื่อ 2 คนถูกปรับออก 1คนสยบยอมต่อผู้มีอำนาจตัวจริงแอบเดินทางเข้าพบบนตึกไทยคู่ฟ้า หลังจบศึกซักฟอก ส่วนอีก 1 ก็แทบไม่มีบทบาทเพราะเป็นเพียงนอมินีของพ่อ ที่กำลังลุ้นระทึกกับคดีในอดีตที่งวดเข้ามาทุกขณะ เพราะหากกรรมเก่าไล่ตามทัน ก็อาจต้องกระเด็นหลุดเก้าอี้ไปอีกรายด้วย
แต่ถึงกระนั้น แม้ 4 ช.ซึ่งเคยฝากผลงานช่วยให้พลังประชารัฐ มี ส.ส.เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเลือกตั้งซ่อมทั้งเหนือ อีสาน กลาง และ ใต้ จะกลายเป็นตำนานไปแล้วแต่เชื่อว่า แรงกระเพื่อม คลื่นใต้น้ำในรัฐบาล โดยเฉพาะจากพลังประชารัฐ จะยังไม่สิ้นสุดลงไปง่ายๆ เพราะเมื่อมีคนถูกปรับออกไป ก็ย่อมมีคนใหม่อยากจะเข้ามาเพราะตำแหน่งที่ว่างลงนั้น ในทางการเมือง มันคือสิ่งหอมหวานเสียยิ่งกระไรสำหรับนักการเมือง เพราะเมื่อมีตำแหน่ง ก็จะมีอำนาจ มีบารมี ประกอบกับเลยครึ่งเทอมของรัฐบาลมาแล้ว หากได้เป็นเสนาบดี ช่วงโค้งสุดท้าย โอกาสในการทำคะแนน หาเสียงสำหรับการเลือกตั้งใหม่ก็ง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้น มีคนออก 4 ช.รุ่นแรกหายไป แต่ 4 ช.รุ่นใหม่ก็อาจจะแท็คทีมกันอีกครั้งก็ย่อมได้ แต่ท้ายที่สุดคนที่มีอำนาจสูงสุดคือนายกรัฐมนตรี และไม่มีใครสามารถเอาจำนวน ส.ส.ในมือมาต่อรองได้ เพราะช่วงเวลานี้ “ลุงตู่” ไม่จำเป็นต้องใช้เสียง ส.ส.ค้ำยันรัฐบาล นับเวลารวมๆ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะเกิน 8 เดือน กว่าจะมีการเสนอกฎหมายงบประมาณเข้าสภาอีกครั้ง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
