หากเปรียบประเทศนี้ว่าขับเคลื่อนด้วยฟันเฟืองจำนวนมาก ชาวประมงก็คงเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญเพราะเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับประเทศจำนวนมาก รวมถึงยังช่วยสอดส่องอันตรายทางทะเล เพราะประมงในที่นี้ ไม่ใช่กลุ่มคนที่หาปลาเท่านั้น ยังรวมถึงชาวบ้านที่ช่วยอนุรักษ์ท้องทะเล ชาวประมงท้องถิ่น อาสาป้องกันภัยจากทะเล
จากหน้าที่ที่กล่าวมาเบื้องต้นทำให้รัฐบาลต้องการให้กำลังใจผู้ที่ประกอบอาชีพประมงหรืออาสาป้องกันประเทศทางทะเล พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ดูแลและจัดการเรื่องวัน ก็ได้ประสานงานกับหลายๆ ฝ่ายจนได้ข้อสรุปว่า ให้ตั้งวันที่ 13 เมษายน ของทุกปีเป็นวันประมงแห่งชาติ
แต่ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น เนื่องจากวันที่ 13 เมษายนมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ไม่เหมาะให้เป็นวันประมงแห่งชาติ เช่น
- ประชาชนต้องเดินทางกลับทางจังหวัดเนื่องจากเป็นช่วงสงกรานต์
- ในวันประมงนิยมให้ประชาชนปล่อยพันธุ์ปลา แต่เนื่องจากอากาศในช่วงเมษาทำให้ปลามักเสียชีวิต
- แหล่งน้ำธรรมชาติมีน้อยในช่วงนี้เนื่องจากอากาศที่ร้อนทำให้แห้ง
เลยมีการพูดคุยกันถึงเรื่องการเปลี่ยนวัน ให้มาเป็นวันที่ 21 กันยายนของทุกปีแทน ด้วยเหตุผลที่ว่า ในช่วงเดือนกันยายนเป็นช่วงฤดูฝนทำให้แหล่งน้ำต่างๆ มีปริมาณน้ำมาก เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำวัยอ่อน อีกทั้งวันที่ 21 กันยายน เป็นวันสถาปนากรมประมงอีกด้วย
ในวันนี้ก็มักจะมีการปล่อยพันธุ์สัตว์สู่ธรรมชาติ พูดคุยในหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในช่วงปีหลังๆ ปัญหาทรัพยากรต่างๆ เป็นปัญหาที่ถูกยกมาพูดถึงอย่างมาก เช่น ห้ามล่าในฤดูที่ปลากำลังวางไข่ ขนาดตาข่ายยังต้องถูกกฎหมายเพื่อไม่ให้ปลาเล็กติดมาด้วย กำหนดฤดูการหาปลาอย่างชัดเจน ช่วยกันรักษาธรรมชาติ อีกทั้งเรื่องความปลอดภัย ความเท่าเทียมของชาวประมงที่มักถูกกดขี่จากผู้มีอำนาจ
พวกเราที่เป็นประชาชนทั่วไป แล้วอยากมีส่วนร่วมกับวันประมง ที่ทำได้ง่ายที่สุดคือส่งเสียงให้เกิดการอนุรักษ์ การทำประมงที่ถูกกฎหมายเพื่อให้แหล่งน้ำ ท้องทะเลยังเป็นแหล่งที่มอบอาหาร มอบชีวิตให้กับพวกเราต่อไป และขอบคุณชาวประมง อาสาทุกท่านที่เสียสละให้กับพวกเรา อย่าลืมฝากกดติดตาม ไอ.เอ็น.เอ็น. เพื่อเป็นกำลังใจและเพื่อที่คุณจะได้ไม่พลาดทุกข่าวสารดีๆ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news