บรรยากาศที่ศูนย์ฉีดวัคซีนห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว สำหรับคนที่ฉีดเข็มที่ 2จากเดิมที่นัดวันที่ 24-25 กันยายน ได้เลื่อนฉีดเร็วขึ้นมาเป็นวันนี้ ได้เดินทางมาฉีดตามหมายนัดตั้งแต่ช่วงเช้าก่อนเปิดให้บริการ
โดยประชาชนที่ได้คิวฉีดวันนี้มีมากกว่า 4,700 คน แต่ทางห้างสรรพสินค้าได้จัดสถานที่และเจ้าหน้าที่คอยประจำการตามจุดต่างๆในการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่เข้ารับบริการเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยเฉพาะการเว้นระยะห่างลดความแออัด ซึ่งไม่พบว่าทางห้างมีระบบบริการจัดการดีขึ้นไม่พบปัญหาเรื่องความแออัดเหมือนในช่วงที่ผ่านมา
จากการพูดคุยกับ นางใย ริ้วแดง อายุ 62 ปี อาชีพแม่ค้าขายผักย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กล่าวว่าวันนี้เดินทางมาฉีดตามที่ได้นัดหมายและไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร เนื่องจากตนเองฉีดเข็มแรกแล้วก็ไม่มีอาการแทรกซ้อน แต่ยอมรับว่าวันนี้ตอนฉีดรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่ยอมรับว่าตนเองอาศัยอยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม ประกอบกับมีคนในพื้นที่ติดเชื้อจำนวนมาก ก็ค่อนข้างเป็นกังวลแต่ก็พยายามป้องกันตนเอง
นอกจากนี้จากการสอบถามทั้ง 2 คน ซึ่งมีบุตรหลานอยู่ที่อยู่ในวัยเรียนต่อกรณีที่รัฐบาลเตรียมแผนฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดMrNAในเด็กอายุ 12-17 ปี
เพื่อเตรียมรองรับการเปิดภาคเรียนที่ 2 ในเดือน พ.ย.นี้ พบว่าเห็นด้วยที่จะให้มีการฉีดวัคซีนก่อนเปิดเทอม แต่ก็มีความกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่อาจจะตามมา เนื่องจากผู้ใหญ่ที่ฉีดบางคนก็มีอาการข้างเคียงเกิดขึ้นดังนั้นเด็กๆจึงมีความเสี่ยงไม่น้อย
ทั้งนี้ ที่ประชุมของ ศบค.เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา มีมติให้จัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 4.8 ล้านโดสที่จะได้รับในเดือนตุลาคมนี้ ฉีดให้กับกลุ่มนักเรียน อายุ 12-17 ปีทั่วประเทศ โดยมีกำหนดให้บริการฉีดวัคซีน ผ่านสถาบันการศึกษาต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนโดยกรมควบคุมโรคจะหารือกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อวางแผนจัดระบบความพร้อมก่อนฉีดแต่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองของเด็ก ซึ่งขณะนี้ผู้ปกครองมีความเห็นที่แตกต่างเนื่องจากส่วนใหญ่กังวลเรื่องความปลอดภัยของเด็กๆ
โดยเฉพาะผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม โดยใช้วิธีการฉีดเข้ากล้ามเนื้อแขนด้านบน ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทบทวนและเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนผู้ปกครองเป็นการเร่งด่วน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news