“วิโรจน์”แนะผู้ปกครองศึกษาก่อนให้เด็กฉีดวัคซีน
“วิโรจน์” แนะผู้ปกครองติดตามความเห็นแพทย์ก่อนให้เด็กฉีดวัคซีน เน้นย้ำรัฐบาลดำเนินการ 4 อย่างอยู่ร่วมโควิดระยะยาวได้
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการสำหรับการฉีดวัคซีนในเด็กนั้น ว่า การฉีดวัคซีนในเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองจำเป็นต้อง ติดตามความเห็นของแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญเป็นสำคัญ ซึ่งเบื้องต้นนักวิชาการมีความเห็นว่า เด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 จะมีโอกาสป่วยได้น้อยกว่าผู้ใหญ่จริง แต่ถ้าหากป่วย ก็มีสิทธิที่จะป่วยหนักได้ และความเสี่ยงจากการเจ็บป่วย นั้น เมื่อประเมินแล้ว ก็ยังสูงกว่าความเสี่ยงที่จะได้รับจากผลแทรกซ้อนจากการฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตามการฉีดวัคซีนให้กับเด็ก ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ โดยควรยึดเอาคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เป็นแนวทางหลัก โดยราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ แนะนำ ให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่องค์การอาหารและยา (อย.) รับรองให้ใช้ในเด็ก และวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป เท่านั้น ซึ่งมีเพียงชนิดเดียวคือ วัคซีนชนิด mRNA ของ Pfizer-BioNTech
สำหรับการฉีดวัคซีนชนิดอื่น หรือยี่ห้ออื่น อย่าง Sinopharm ในเด็ก องค์การอาหารและยา (อย.) ได้ชี้แจงว่า ยังไม่สามารถอนุญาตขยายการฉีดวัคซีน Sinopharm ในเด็กตั้งแต่ 3 ปี ขี้นไปได้ เนื่องจากข้อมูลความปลอดภัยในการฉีดวัคซีนยังไม่เพียงพอ
ตนยังได้เน้นย้ำไปยังรัฐบาลว่า เครื่องมือหลัก ที่จะทำให้สังคมสามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19 ในระยะยาวได้ ไม่ว่าจะในเด็ก หรือประชาชนทั่วไปก็ตาม นั้นมีอยู่ 4 อย่าง ด้วยกัน คือ
1. มาตรการส่วนบุคคล ได้แก่ การสวมใส่หน้ากากอนามัย การล้างมืออยู่เสมอ การระยะยะห่างทางสังคมโดยเฉพาะในพื้นที่ปิด
2. การวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงให้กับประชาชน และการเสริมภูมิคุ้มกันเป็นระยะๆ เพื่อรับมือกับเชื้อกลายพันธุ์
3. การตรวจคัดกรองตนเองที่เข้าถึงได้ง่าย รวดเร็ว และเป็นมาตรการที่ดำเนินการเป็นการทั่วไปในสังคม
4. การสำรองยา และเวชภัณฑ์ที่ทันสมัย ในจำนวนที่เพียงพอ
สำหรับข้อที่ 3 และข้อที่ 4 ดูเหมือนว่า รัฐบาลยังไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก จึงขอเน้นย้ำอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในข้อที่ 3 และข้อที่ 4 ให้มากกว่าที่เป็นอยู่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news