น้ำทะลักท่วม อ.ไชโย จ.อ่างทอง ตอนเช้าตรู่ ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว บ้านเรือนทรัพย์สินเสียหายเป็นอย่างมาก กรมชลประทานระบุลุ่มเจ้าพระยาทรงตัว จับตาอ.สามโคกยังกระทบหนักจากคันกั้นน้ำต่ำ
สถานการณ์น้ำท่วมที่ หมู่ 4 ต.จรเข้ร้อง อ.ไชโย จ.อ่างทอง ซึ่งติดกับถนนสายเอเชีย มุ่งหน้าภาคเหนือ ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 57 และติดกับคลองบางศาลาน้ำได้ทะลักเข้าบ้านเรือนประชาชนเกือบ 1 เมตร เนื่องเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ส่วนบริเวณใต้สะพานข้ามคลองบางศาลา เป็นจุดกลับรถ น้ำไหลแรงและเร็วทะลักเข้าท่วมพื้นผิวถนน รถมอเตอร์ไซค์ ไม่แนะนำให้กลับรถบริเวณนี้ จนกว่าน้ำจะลดลง
ทั้งนี้ จากการสอบถามชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เปิดเผยว่า น้ำทะลักเข้าท่วมช่วงประมาณ 04.00 น. ของวันนี้ ทำให้ไม่ทันได้เตรียมตัว และไม่คิดว่าที่ตนอาศัยน้ำจะท่วมได้ เพราะท่วมครั้งล่าสุดคือเมื่อปี 2549 ส่วนด้านล่าง เป็นลักษณะใต้ถุนบ้านก็เก็บไม่ทัน เนื่องจากน้ำมาไวและแรงโดยหลังน้ำทะลักเข้าท่วมแล้ว ได้ทราบข่าวว่า มีพนังกั้นน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาแตก น้ำจึงไหลทะลักเข้าคลองสาขา แล้วเข้ามาถึงบ้าน
ด้าน ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาอุทกวิทยา กรมชลประทาน เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ถึงสถานการณ์อุทกภัยในลุ่มเจ้าพระยาว่า ช่วง3-4 วันที่ผ่านมาฝนตกลงมาน้อยในพื้นที่ภาคกลาง ประกอบกับน้ำเหนืออยู่ในภาวะทรงตัว และน้ำทะเลหนุนไม่มากนัก ทำให้ภาพรวมของอุทกภัยทรงตัวและมีแนวโน้มลดลงหากไม่มีฝนมาเพิ่ม ทางกรมชลประทานเร่งระบายน้ำเพื่อรองรับปริมาณที่อาจจะมีเพิ่มในช่วงวันนี้ถึงวันที่ 9 ต.ค.
ซึ่งในระยะนี้พื้นที่ที่ประสบอุทกภัยก็ยังคงได้รับผลกระทบอยู่แต่ไม่มากขึ้น ส่วนที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือในเรื่องของคันกั้นน้ำที่ต่ำ อย่างบริเวณ อ.สามโคกจ.ปทุมธานี ซึ่งมีโอกาสที่น้ำจะข้ามแนวกันเข้ามาหรือไหลผ่านลอดแนวคันกั้นน้ำเข้ามา ส่วนในโซนทางเหนือลุ่มแม่นำปิง วัง ยังไม่มีปัญหาส่วนลุ่มน้ำยม กับน่าน ยังมีน้ำอยู่มากทำให้หลายพื้นที่เช่นสุโขทัย จะยังมีพื้นที่อุทกภัยอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามจาการประเมินพบว่าน้ำในปีนี้จะไม่มากเท่ากับปี 2554 อย่างแน่นอน แต่ถ้าเทียบกับน้ำท่าในบางพื้นที่ของปีนี้ใกล้เคียงกับปี 2560 เพียงแต่เขื่อนสำคัญทางเหนือ2เขื่อนใหญ่ยังสามารถรับน้ำได้อีกมาก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news