โฆษกยันนายกฯดูแลแก้ปัญหาน้ำตั้งแต่ต้นปี จริงจังบริหารจัดการทั้งระบบ “แล้ง-ท่วม” มั่นใจน้ำไม่หมือนปี 54
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการทุกหน่วยเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำตั้งแต่ต้นปี รวมไปถึงมีวางแผนบริหารจัดการน้ำของประเทศทั้งระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันภัยพิบัติจากสถานการณ์อุกทกภัยและปัญหาน้ำแล้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ส่งผลให้สถิติความเสียหายภัยจากน้ำลดลงอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับปี 2554 มีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินถึง 65 จังหวัด เสียหาย 69 ล้านไร่ ขณะที่ในปี 2564 ครบรอบ 10 ปี ข้อมูลจากจิสด้าพบว่า ปีนี้น้ำท่วมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง 21 จังหวัด มีพื้นที่เสียหาย 1.33 ล้านไร่ ขณะที่ สถานการณ์อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของไทย ปี 2564 ยังมีระดับน้ำน้อย ยังมีพื้นที่เพียงพอรองรับปริมาณน้ำฝนอีกมาก
ทั้งนี้? ได้เปรียบเทียบสถานการณ์อุทกภัยในปี 2554 กับ 2564 ปริมาณฝนสะสม (ทั้งประเทศ) ปี 2554 มีปริมาณฝนสะสม 1,948 มม. ขณะที่ปี 2564 (1 ม.ค. – ปัจจุบัน) มีปริมาณ 1,360 มม. น้อยกว่า ปี 2554 อยู่ 588 มม. ปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปี 2554 รวม 23,605 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 95% แต่ในปีนี้รวม 11,969 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 48% ปี ทำให้ปริมาณน้ำรวม 4 เขื่อนน้อยกว่าปี 2554 อยู่ 11,636 ล้าน ลบ.ม. ในส่วนปริมาณน้ำไหลผ่านบริเวณ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ปี 2554 อยู่ที่ 3,903 ล้าน ลบ.ม.ปี 2564 มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,561 ล้าน ลบ.ม. น้อยกว่า ปี 2554 อยู่ 1,342 ลบ.ม./วินาที
ขณะเดียวกัน ยังได้มีการจัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี พ.ศ.2561 – 2580 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการดำเนินงานจากทุกหน่วยงาน โดยตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่ผ่านมามีความก้าวหน้าโดยลำดับ ซึ่งส่งผลให้สถิติความเสียหายภัยจากน้ำลดลงอย่างชัดเจน เช่น ในปี 2562 ซึ่งเป็นปีที่แล้งรุนแรงรองจากปี 2558 มีประกาศภัยแล้งเพียง 30 จังหวัด และในปี 2563/64 มีการประกาศภัยแล้งเพียง 2 จังหวัด ทั้งนี้ยืนยันรัฐบาลดำเนินงานอย่างจริงจังในการปรับปรุงและพัฒนาการบริหารจัดการน้ำของประเทศให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน ตรวจสอบได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news