กลิ่นไอยุบสภา ประยุตธ์จะได้อยู่ต่อหรือไม่ แม้จะมีคำสั้งเปิดประเทศและขอเวลาอีก 5ปี
ขอความร่วมมือ จากสื่อแขนงต่างๆและสื่อหนังสือพิมพ์ให้ พื้นที่ข่าวหน้า1จนสื่อเดา กันใหญ่ว่าเรื่องอะไรระหว่างการบ้านหรือการเมือง สุดท้ายเป็นเรื่อง “เปิดประเทศ” 1 พ.ย.64 รับนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาแบบไม่ต้องกักตัวหลังจากที่มีการพูดคุยกับเอกชนภาคการลงทุนเมื่อวาน
โดย “นายกฯลุงตู่”แถลงเป็นเรื่องเป็นราวทำนองยอมเสี่ยงเปิดประเทศตามสัญญา120วันตามที่ลั่นวาจาไว้ที่จะครบกำหนด 15 ต.ค.ที่เริ่มโดนทวงถามจากภาคเอกชนต่อมาตรการรองรับด้านเศรษฐกิจ โดยมั่นใจว่าทำได้เริ่มกับ อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน อเมริกาจากนั้น 1 ธค.ค่อยให้ขายเหล้าในร้าน- เปิดสถานบันเทิง รับเทศกาลปีใหม่ยอมรับ แม้เสี่ยง แต่เตรียมมาตรการรองรับได้ เพราะไม่อาจปล่อยโอกาส เทศกาลท่องเที่ยวปลายปี ก่อนชวนคนไทย ออกจากความกลัวโควิดเพราะไทยประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ในการปกป้องรักษาชีวิตของประชาชน
ในขณะที่ปฏิกิริยาจากต่างประเทศทั้งบีบีซี.และเดอะการ์เดียนรายงานทำนอง รบ.ไทยหวังฟื้นการท่องเที่ยว เตรียมเปิดประเทศรับต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้ว และมาจากประเทศความเสี่ยงต่ำ 1 พ.ย. ทั้งที่รู้ว่ามีความเสี่ยง ขณะที่ไทยยังพบผู้ติดโควิด-19 รายใหม่แตะหมื่นในวันก่อน ที่ก็สอดรับกับภาพความกังวลในแวดวง “หมอ”โดยเฉพาะ ประเด็น“คลัสเตอร์ใหม่ๆ”ที่ยังเกิดขึ้นใน หลายพื้นที่
โดยเฉพาะ จว.ชายแดนใต้ หรือ”คลัสเตอร์ย่อย”ที่มีเกิดขึ้นประปรายในบางจังหวัดหลังที่ผู้คนเริ่มออกมาใช้ชีวิตเสมือนเกือบปกติที่มีการเปิดห้างเปิดร้านอาหารแต่ยังไม่มีการเปิดให้กินสุราที่ยังต้องรอวันที่ 1ธ.ค. แม้ตัวเลขโควิดวันนี้(12ต.ค.)จะมีความสอดรับกับที่ “นายกลุงตู่”แถลง ลดลงอยู่ที่ 9,445 เสียชีวิต 84 หายเพิ่ม 11,452 ยังรักษา 108,174 โดยมียอดตรวจATKพบติดเชื้อ 1,368 ราย เช่นเดียวกับ “หมอหนู”ที่พร้อมสนองธงเปิดประเทศโดยบอกว่าระบบสาธารณสุขไร้ปัญหารอ ศบค.ที่จะเคาะสรุปมาตรการว่าจะคลายล็อกเลิกเคอร์ฟิวเพิ่ม 14 ต.ค.ซึ่งจะพิจารณาถึง 10 ประเทศ
เรียกว่า มุข “เปิดประเทศ”วนลูปมาในจังหวะที่ “โหมดการเมือง”กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอีกครั้ง หลังจากที่ “นายกฯลุงตู่”ผ่านศึกซักฟอกมาแบบเกือบเอาตัวไม่รอด เพราะถูกยำใหญ่เป็น “ตำบลกระสุนตก”คนเดียว ว่า ล้มเหลวในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดจนเกิดความเสียหายตายเจ็บและเศรษฐกิจปากท้องประชาชน จนกระแสความนิยมวูบลง ก่อนจะนำมาสู่ปรากฏการณ์ “กบฏ”ในพรรคพลังประชารัฐเพื่อโค่นล้ม แต่ก็ไหวตัวทันและปฏิบัติการ “ปราบกบฏ”ด้วยการ “ปลดรัฐมนตรี”ที่ไม่ได้ถูก “ซักฟอก”อย่าง “ผู้กองนัส-อ.แหม่ม”
โดยไม่มีการปรับ ครม.ที่การปลดดังกล่าวกลายเป็น “เอฟเฟกต์การเมือง”ลามสู่ความขัดแย้งภายใน “ศูนย์อำนาจ3ป.”ระหว่าง “บิ๊กตู่”กับ”หัวหน้าป้อม”กลายเป็นเรื่อง การบ้าน ผสม การเมือง กระทั่งไหลมาสู่การกุมสภาพพรรคพปชร.ที่นำมาสู่การเปรียบเทียบวัดกำลังในการลงพื้นที่หลังการส่งสัญญาน “เลือกตั้ง”ที่หมายถึงอาจมีการยุบสภาหรือมีอุบัติเหตุการเมืองเกิดขึ้น และรวมถึงการเสนอชื่อ “นายกรัฐมนตรี”ของ พปชร.ที่ “หัวหน้าป้อม”แม้จะบอกว่า”ลุงตุ่”ยังเป็นแคนดิเดตแต่ก็ไม่เคยบอกว่าจะมีการเสนอเพียงชื่อเดียวซักครั้ง
และที่มาสอดรับคือแจ้งเตือนความพร้อมกติกาเลือกตั้งใหม่จากกกต. ที่ตามมาด้วยการเปิดชื่อนายกฯของแต่ละพรรคการเมือง ก่อนจะตามมาด้วยโพลนิด้าเมื่อวาน(11ต.ค.)ที่ร้อยละ 40.73 ระบุว่า “นายกฯลุงตู่”ควรประกาศว่า 8 ปี คืออยู่ในตำแหน่งไม่เกินเดือน ส.ค.2565 และร้อยละ 40.35 เห็นควรประกาศยุบสภาฯโดยเร็วรองลงมา ร้อยละ 30.05 เห็นว่าควรประกาศยุบสภาฯ
หลังจากกฎหมายการเลือกตั้งได้รับการแก้ไขให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่แม้เอาเข้าจริงฝ่ายรัฐบาลยังไม่มีใครอยากจะยุบสภา แต่กระแสดังกล่าวนำมาสู่การประเมินถึงร่องรอยความขัดแย้งในพปชร.ว่าจะเป็นปัญหาในห้วงการเปิดสภาฯเพื่อพิจารณากฎหมายสำคัญ 1 พ.ย. ที่จะถึงนี้ ว่าสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุอย่างที่ “อ.วิษณุ”เคยเตือน ที่ทั้งหมดถูกนักวิเคราะห์ว่า นำมาสู่การรีบ “ส่งซิกอยู่ต่ออีก 5ปี”ในการลงพื้นที่นครฯของ”ลุงตู่” และนำมามาสู่การรีบชิงจังหวะแถลงเปิดประเทศ.วันที่ 1พ.ย.ดังว่า
นายกฯกล่าว ไม่มีแนวคิดยุบสภาฯในวันนี้ ชี้ 5 ปี ที่ประกาศ เป็นเพียงให้ติดตามผลงานรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า นายกรัฐมนตรีไม่มีแนวคิดในการยุบสภาในวันนี้ โดยรัฐบาลเดินหน้าทำงานแก้ไขปัญหาโควิด -19 แก้ไขปัญหาน้ำท่วม ส่วนที่มีการกล่าวถึง 5 ปี ของนายกรัฐมนตรีนั้นหมายความว่า ขอให้ติดตามคอยดูผลงานของรัฐบาลทั้งโครงสร้างพื้นฐานการลงทุนโดยเฉพาะพื้นที่ ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะส่งผลอย่างชัดเจนภายใน 5 ปี
ซึ่งจะถึงในวันที่15ต.ค.ที่ ศบค.ชุดใหญ่ จะเคาะสรุปในวันที่ 14ต.ค.ว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการลง และยกเลิกประกาศเคอร์ฟิวส์หรือไม่ ที่ดูจากสถานการณ์แล้วหลายพื้นที่29จว.แดงเข้มรวมถึงจังหวัดชายแดนใต้ก็ยังปรากฏคลัสเตอร์ใหญ่ๆเช่นเดียวกันกับ สถานการณ์น้ำท่วมที่เปิดพื้นที่ให้ “ส.ส.-รัฐมนตรี”รวมถึง”นายกฯรัฐมนตรี พากันลงพื้นที่ “เก็บแต้ม”กันอย่างคึกคักถึงขนาดพรรคใหญ่รัฐบาลตั้งเป็นคะแนนวัดผลส.ส.
หลังจากก่อนหน้ามีภาพคล้ายการ “วัดพลัง”ระหว่าง “2ป.” “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”กระทั่งต้องออกมาส่งสัญญาณ “สามัคคีประนีประนอม” ลดกระแสความขัดแย้งกันใน “ศูนย์อำนาจ”ตั้งแต่เคส “4กรม กระทรวงเกษตร” มาถึง ส่งซิกอยู่ยาวอีก 5ปี ที่นครศรีธรรมราชของนายกฯก่อนจะมีภาพการส่งคนของ “นายกฯลุงตู่” อย่าง”พีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค-สมศักดิ์ เทพสุทิน”เข้ามาเป็นที่ปรึกษา “หัวหน้าป้อม” พร้อมๆกับการนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยประเด็นบัตรเลือกตั้งสองใบขึ้นทูลเกล้าฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ที่ประเด็นการมาของ “พีรพันธ์”กลายเป็นอีกแรงกระเพื่อมทั้งมิติการประนีประนอมกันของศูนย์อำนาจ และมิติของการส่งมาประกบและรายงานข้อมูลความเป็นไปในพรรคพลังประชารัฐ ตรงกับ “นายกฯลุงตู่”ที่วันก่อนยืนยันว่าจะเป็นนายกฯของ พปชร. จนกว่าจะไม่มีพรรค เช่นเดียวกับ “พล.อ.ประวิตร”ที่ก็ย้ำหลายครั้งว่า “บิ๊กตู่”ยังคงเป็นแคนดิเดตนายกฯที่ พปชร.เสนอ แต่ที่เป็นติ่งที่น่าสนใจ คือ การที่ “หัวหน้าป้อม”ไม่ยอมบอกว่า พปชร.จะเสนอชื่อ “นายกฯลุงตู่”เพียงคนเดียวหรือไม
เรียกว่าแม้ประเด็น “ยุบสภา”จะถูกมองว่า ทั้ง พรรครัฐบาล รวมถึง พปชร.เองก็น่าจะยังไม่อยากให้เกิดขึ้นช่วงนี้อย่างที่มีการออกตัวจาก “อ.วิษณุ”ถึงกระบวนการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกตั้งกลับมาเป็นบัตรสองใบไม่นับรวมที่ ”รัฐบาล”ยังติดติ่ง “ผลงาน”การแก้ “โควิด” และ ”เศรษฐกิจ”ที่ว่ากันว่า พรรคใหญ่ฝ่ายค้าน เตรียมหวดซ้ำในการหาเสียงโดยชูถึงประเด็นความผิดพลาดที่ส่งผลกระทบทั้งมิติโรคระบาดที่มีปัญหาการบริหารจัดการ และมิติผลกระทบเศรษฐกิจจากการ “ล็อกดาวน์”
ที่ส่งผลกระทบปากท้องประชาชน ที่สถานีถัดไปที่ถูกคอการเมืองประเมินคือ หากสะเด็ดน้ำลงตัว “นายกฯลุงตู่”จะต้องมีการปรับครม.ที่เกิด “ฟันหลอ”จากการปลด “ผู้กองนัส-อ.แหม่ม”ก่อนที่จะมีการเปิดสภาที่มีโอกาสจะเกิดแรงกระเพื่อมต่อรองและมีโอกาสจะเกิดเป็น “อุบัติเหตุการเมือง”ที่ส่งผลกระทบรัฐบาล เช่น การลงมติในกฎหมายสำคัญระหว่างเปิดสมัยประชุมสภา ที่จะเริ่มต้น 1 พ.ย.นี้ ที่หากเกิดปัญหาการโหวตไม่ผ่าน การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ก็อาจเกิดขึ้น หลังรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ รวมถึงบรรดากฎหมายลูกที่ประมาณการณ์อยู่ในช่วงปีหน้าตามที่ “หัวหน้าป้อม”และ”เลขาผู้กองนัส”ทำนาย จนเกิดภาพโหมโรงการลงพื้นที่หาเสียงกันอย่างที่เห็น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news