ยังคงเป็นคดีที่อยู่ในกระแสและสังคมต่างให้ความสนใจกรณี นายณัฐวุฒิ พึ่งฤกษ์ดี หรือ บาส อายุ 21 ปี ถูกวัยรุ่น6 คน ตามมารุมทำร้ายถึงบ้านพัก ก่อนใช้มีดในมือแทงฝ่ายพิพาทเสียชีวิต 2 คน
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ได้ควบคุมตัวนายบาส ก่อนนำตัวไปฝากขังศาลอาญาธนบุรี โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราว
โดยทันทีที่ นายบาส ออกจากเรือนจำ ได้เดินเข้ามาก้มกราบเท้าแม่ และนายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา ที่ตัดสินใจเข้ามาช่วยประกันตัว โดยบาส ได้เปิดใจยืนยันว่า ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายใคร แต่ทำไป เพื่อป้องกันตัวเองเพราะหากไม่ป้องกันตัว อาจจะเป็นตัวเองที่ต้องเสียชีวิต พร้อมยอมรับก่อนเกิดเหตุ มีการขับรถตัดหน้ากันจริง แต่ตนเองไม่ได้ติดใจอะไร
โดยปกติตนเองเป็นคนเก็บตัว ตั้งใจจะทำมาหากิน ไม่อยากมีเรื่องกับใครอยู่แล้ว
จากนั้นหมอปลาได้รับตัวบาสไปอยู่ที่บ้านในจังหวัดเพชรบุรี เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย หลังเห็นพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่นป่าเถื่อนและไม่เกรงกลัวกฏหมาย โดยหมอปลา ได้ทำการโกนผมให้และพบว่ามีบาดแผลที่ศรีษะ2แผล จากการถูกทำร้ายก่อนจะพาไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยบาสได้เล่าประวัติคร่าว ๆ หลังมีชาวเน็ตส่งกำลังให้และสอบถามจำนวนมากว่าตนเองเกิดที่จังหวัดสมุทรสาครและมาเติบโตที่ อ.สามพราน จว.นครปฐม โดยมีน้องชาย 1 คน แต่โชคร้ายที่น้องประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตไปก่อน โดยตนเองนั้นกำลังเรียนหนังสือที่ กศน.แห่งหนึ่งและใช้เวลาว่างทำงานเป็นพนักงานส่งพัสดุเพื่อส่งเสียตัวเองเรียนหนังสือ โดยตั้งใจว่าหลังเรียนจบ กศน.จะไปสอบรับราชการเป็นตำรวจ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าคดีนี้สังคมต่างให้ความสนใจและรู้สึกสงสารบาสที่ถูกรุมทำร้าย แต่ในทางคดีเมื่อมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้น จึงต้องดำเนินคดีไปตามกฏหมาย โดยพนักงานสอบสวนได้แบ่งออกเป็น 2 คดี คือกรณีที่ฝั่งของบาสใช้อาวุธมีดทำร้ายคู่กรณีเสียชีวิต ส่วนอีกกรณีคือกรณีที่บาสถูกคู่กรณีทำร้าย โดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานและทำคดีอย่างโปร่งใสและยุติธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมยืนยันว่าตำรวจนครบาลมีแผนในการเฝ้าระวังป้องกันหากมีการล้างแค้นหรือเอาคืนเกิดขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news