รัฐชูเทคโนโลยีรับเปลี่ยนแปลงหลังโควิด
รัฐ พร้อมปรับใช้เทคโนโลยีรองรับการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด หลังโควิด-19 ขณะที่ภาคเอกชน ปรับตัวใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่
จากการเสวนา Digital Outlook and Overview ก้าวผ่านวิกฤติ สู้โควิดด้วยดิจิทัล นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ภาครัฐได้มีการนำเทคโนโลยีทางการเงินเข้ามาใช้ กำหนดเป็นนโยบาย เพื่อการตอบสนองความต้องการของประชาชนและต้องสอดคล้องกับการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ด้วย อาทิ การให้บริการพร้อมเพย์ การใช้โครงการต่างๆ ผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น คนละครึ่ง เป็นการลดการใช้เงินสดและช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโควิด-19 ในขณะที่รัฐบาลจะมีข้อมูลในการใช้ของประชาชน เพื่อกำหนดเป็นนโยบายให้เข้าถึงและตรงกับความต้องการของประชาชนได้มากขึ้นผ่านโครงการต่างๆในอนาคต โดยปัจจุบันมีผู้ใช้คนละครึ่งอยู่ที่ 24 ล้านคน ร้านค้า 1.2 ล้านราย โดยในอนาคตภาครัฐจะมีการพัฒนาระบบให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับเทคโนโลยีมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นระบบพิสูจน์การยืนยันตัวตน การแลกเปลี่ยนข้อมูลในอนาคตจะต้องมีการผ่าน ระบบดิจิทัลทั้งหมด
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โควิด-19 ทำให้ การใช้บริการทางการเงินดิจิทัล เติบโตแบบก้าวกระโดดจากเดิมที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจาก Mobile Banking แต่สำหรับปัจจุบันการใช้บริการมีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยภาคธุรกิจสถาบันการเงิน จำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาตอบโจทย์ผู้ใช้บริการให้มากขึ้น และจะต้องให้บริการภายใต้ความปลอดภัย มีเสถียรภาพ ซึ่งความมั่นคงของสถาบันการเงินยังคงมีความสำคัญถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะมีการเปลี่ยนแปลง
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ภาคสถาบันการเงินมีการรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และมีการปรับตัวรองรับการแข่งขันที่จะมีมากขึ้นในอนาคตอยู่แล้ว แต่หลังจากมีการระบาดของโควิด-19 ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เทคโนโลยีต้องเติบโตแบบก้าวกระโดดจากพฤติกรรมการใช้บริการของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งรูปแบบของการใช้บริการ Mobile Banking จะต้อง ครอบคลุมมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยการทำธุรกรรมในอนาคตจะต้องรองรับถึงการให้บริการภายในของสถาบันการเงินด้วย ไม่เฉพาะแค่การโอนเงินเพียงอย่างเดียว
นายชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ยเทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยถือว่ามีความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยีพร้อมที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัลได้ โดยเฉพาะ เทคโนโลยี 5G ที่ประเทศไทยถือว่ามีการพัฒนาระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหลังเกิดการระบาดของโควิด-19 การเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นแบบก้าวกระโดด หัวเว่ยในฐานะบริษัทด้านเทคโนโลยี นอกจากจะให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงของระบบแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาความคิด ของบุคลากรที่จะต้องเติบโตและไม่กลัวกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news