นับถอยหลัง อีกไม่กี่วัน ประเทศไทยก็จะมีนักท่องเที่ยวจาก 46 ชาติเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว 1 พ.ย.นี้ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ของไทยคลี่คลายลง
ทั้งนี้ หากอิงสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยในปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนโควิด-19 จะระบาด ประเมินเบื้องต้นพบว่า นักท่องเที่ยว จาก 46 ประเทศนั้น มีสัดส่วนราว 81.8% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดและด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จ่อเข้าไทย “สนามบิน” จึงถือเป็นด่านหน้าที่มีความสำคัญ ที่จะคัดกรองคน ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มงวดทุกขั้นตอน นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บอกกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้มีการซักซ้อมและปรับเปลี่ยนพื้นที่ปรับปรุงทั้งบริเวณภายในและภายนอกสำหรับการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาในช่วงปลายปีนี้โดยทุกอย่างได้ปรับเปลี่ยนตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุขตั้งแต่การลงจากเครื่องบินจนถึงกระบวนการต่างๆ ใช้ระยะเวลาประมาณ 25 นาที/คน มีการซักซ้อมเรื่องการตรวจรับนักท่องเที่ยวเฝ้าระวังสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด โดยยืนยันว่า มีความพร้อมในการรองรับการเปิดประเทศ 100% อย่างแน่นอนทั้งนี้สำหรับจำนวนผู้โดยสารที่มาใช้บริการในระยะแรกอย่างที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ประเมินไว้ว่าจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการระยะแรกที่สนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 20,000 คนต่อวันซึ่งสนามบินสุวรรณภูมิจะติดตามสถานการณ์ของเที่ยวบินและผู้โดยสารอย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมมาตรการรองรับทุกด้าน
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าไทย มีทั้งหมด6ขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการ ประกอบด้วย
1.นักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและคนไทยที่เดินทางมาจากประเทศที่กำหนดทางอากาศ กรณีมาจากกลุ่มประเทศอื่น ให้พำนักในประเทศที่กำหนดอย่างน้อย 21 วัน
2.มีเอกสาร หรือหลักฐานรับรองการได้รับวัคซีน (Certificate of Vaccination) ครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกำหนด ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยา หรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก หรือตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดหรือกรณีเคยติดเชื้อ และได้รับวัคซีน 1 เข็มในช่วง 3 เดือนหลังติดเชื้อ (เป็นประเทศที่กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบว่าใบรับรองการติดเชื้อแบบเป็นทางการ) เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนออกเดินทาง ยกเว้นผู้มีอายุต่ำกว่า 12 ปี ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์การได้รับวัคซีน และเดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครอง
3.มีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่พบเชื้อโรคโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง กรณีตรวจพบการติดเชื้อ ต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าเคยติดเชื้อมาก่อนในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และทำประกันสุขภาพอย่างน้อย 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ
4.มีใบจองที่พักโรงแรม อาจเป็นสถานกักกันที่ที่ทางราชการกำหนด (AQ, OQ, AHQ) หรือโรงแรมที่เป็น SHA+ ที่มีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการสำหรับตรวจหาเชื้อในวันแรกที่มาถึง โดยรวมค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR
5.เมื่อเดินทางมาถึงท่าอากาศยาน โหลดแอปพลิเคชันหมอชนะ (ภาษาอังกฤษ) เดินทางโดยรถที่จัดไว้โดยมีการกำกับการเดินทาง เพื่อเข้าพักตามโรงแรมที่จองไว้ รพ.คู่ปฏิบัติการทำการตรวจหาเชื้อโรคโควิด – 19 โดยวิธี RT-PCR ในวันที่ 0-1 โดยผู้เดินทางรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองและต้องอยู่ในโรงแรม จนได้รับผลการตรวจอย่างเป็นทางการ
6.เมื่อผลการตรวจหาเชื้อ ไม่พบเชื้อ สามารถเดินทางได้ตามความต้องการ และจะพักในโรงแรมที่จองและจ่ายเงินไว้แล้วล่วงหน้า หรือกลับไปพักที่บ้าน (กรณีมีที่พำนักในไทย) ก็ได้ โดยโรงแรมจะแนะนำให้สังเกตอาการอย่างน้อย 7 วัน หากมีอาการให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อจากโรงพยาบาลใกล้ที่พัก หรือตรวจ ATK ที่โรงแรม หากพบเชื้อรายงานเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่
ขณะที่การเปิดประเทศได้ส่งผลให้ผู้ประกอบการแท็กซี่ในสนามบินสุวรรณภูมินั้นรู้สึกใจชื้นว่าจะมีรายได้กระเตื้องกลับมาบ้างและทำให้มีความหวังว่าหลังจากนี้บรรยากาศจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้นและทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง
การเปิดประเทศในครั้งนี้ทำให้หลายคนและหลายหน่วยงานต่างตื่นเต้นเพราะเวลานานกว่าเกือบ2ปีที่ โควิด-19 ได้ทำให้การเดินทางทั้งภายในและภายนอกประเทศหยุดชะงักบรรยากาศการเดินทางเงียบเหงาการเปิดประเทศจึงเหมือนเป็นการฟื้นฟูและทำให้บรรยากาศความคึกคักของสนามบินนั้นกลับมาอีกครั้ง ร้านค้าในสนามบิน บริษัททัวร์ ต่างเตรียมพร้อมเปิดทำการ ภายใต้การควบคุมการแพร่ระบาดของ โควิด-19 อย่างเข้มงวด
.
.
.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news