Home
|
ข่าว

มติ ศบค.ปรับลดพื้นที่สีแดงเข้ม เหลือ 7 จังหวัด

Featured Image
มติ ศบค.ปรับลดพื้นที่สีแดงเข้ม เหลือ 7 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นภาคใต้ เคอร์ฟิว 5 ทุ่ม ถึงตี 3 มี”สีเหลือง” 5 จังหวัด ขณะท่องเที่ยวสีฟ้า 4 จังหวัด

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือศบค. แถลงภายหลังการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ว่า มาตรการในวันนี้มีการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร โดยพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้มจากเดิมมี 23 จังหวัด เหลือ 7 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือพื้นที่สีแดงจากเดิมมี 30 จังหวัด เป็น 38 จังหวัด พื้นที่ควบคุม หรือพื้นที่สีส้ม จากเดิม 24 จังหวัดเป็น 23 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง หรือพื้นที่สีเหลืองจากเดิมไม่มี ตอนนี้มี 5 จังหวัด และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว หรือพื้นที่สีฟ้า 4 จังหวัด

โดยพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 7 จังหวัด มี จันทบุรี, ตาก, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา และสงขลา

พื้นที่เฝ้าระวังสูง 5 จังหวัด มี นครพนม, น่าน, บึงกาฬ, มุกดาหาร และสกลนคร

พื้นที่ท่องเที่ยวสีฟ้า 4 จังหวัด มีกรุงเทพมหานคร, กระบี่, พังงา และภูเก็ต ซึ่ง กทม.จะมีการจัดการประชุมในบ่ายวันนี้ โดยผู้ว่าราชการและคณะ จะมีการประชุมเรื่องการจัดการการดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร

โดยมาตรการในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามออกนอกเคหสถาน ตั้งแต่เวลา 23:00 น. ถึง 03:00 น.,การทำงานอยู่ที่บ้าน (work from home) ให้พื้นที่สีแดงเข้มทำงานอย่างน้อย 70% ของหน่วยงานรัฐ ผู้ประกอบการภาครัฐ ภาคเอกชนปรับเพิ่มได้ตามแผนเหมาะสม การจัดกิจกรรมรวมกลุ่มห้ามจัดกิจกรรมรวมมากกว่า 50 คน สถานศึกษาให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนโดยผ่านความเห็นชอบจากผู้แทนศึกษาธิการ สถานรับเลี้ยงเด็กสถานดูแลผู้สูงอายุให้ดำเนินการรับไปกลับได้โดยผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด สถานที่เล่นกีฬาเปิดได้ไม่เกิน 22:00 น.

โรงภาพยนตร์จำกัดจำนวนผู้ชมห้ามบริโภคอาหาร การจัดประชุมไม่เกิน 500 คน ศูนย์การค้า, ห้างสรรพสินค้าเปิดได้ไม่เกิน 22.00 น.ร้านสะดวกซื้อเปิดได้ไม่เกิน 22.00 น. ร้านอาหารเปิดบริโภคในร้านได้ ไม่ให้มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดตามเวลาปกติแต่ไม่เกิน 22.00 น. และร้านเสริมสวยเปิดบริการได้ยกเว้นการใช้ไอน้ำ และเปิดได้ไม่เกิน 22:00 น.

พื้นที่ควบคุม ไม่มีการห้ามออกนอกเขตสถาน การทำงาน หน่วยงานของรัฐ ผู้ประกอบการภาครัฐและภาคเอกชนดำเนินการได้ตามความเหมาะสมยกเว้นกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างน้อย 70% การจัดกิจกรรมห้ามจัดกิจกรรมมากกว่า 200 คน/ สถานศึกษาให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมากโดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด สถานรับเลี้ยงเด็กเปิดดำเนินการได้ตามปกติ สนามกีฬาเปิดไม่เกิน 23:00 น. โรงภาพยนตร์จำกัดจำนวนผู้ชม ศูนย์แสดงสินค้าจัดประชุมจัดมหกรรมด้านกีฬาจัดแสดงสินค้าไม่มีการชิมอาหารไม่เกิน 500 คน ห้างสรรพสินค้าเปิดได้ตามปกติงดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เปิดบริการตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกม ไม่เปิดสวนสนุกและสวนน้ำ/ ร้านสะดวกซื้อ ตลาดเปิดได้ตามปกติ/ ร้านอาหารบริโภคในร้านได้ไม่เกิน 23:00 น. งดการจำหน่ายและงดดื่มสุราในร้าน ร้านเสริมสวยเปิดได้ตามปกติแต่ไม่เกิน 23:00 น.

พื้นที่เฝ้าระวังสูง ไม่มีการห้ามออกนอกเคหสถาน/ ทำงานอย่างน้อย 70% ห้ามจัดกิจกรรมรวมมากกว่า 1,000 คน เปิดได้ตามปกติ สถานที่เล่นกีฬาเปิดได้ปกติ โรงภาพยนตร์เปิดบริการได้ตามปกติ/ ศูนย์แสดงสินค้าจัดงานได้ตามความเหมาะสม ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าเปิดบริการได้ตามปกติ ร้านสะดวกซื้อเปิดได้ตามปกติร้านอาหารบริโภคในร้านได้เปิดได้ตามปกติ งดการจำหน่ายและงดดื่มสุราในร้าน/ ร้านเสริมสวยเปิดบริการตามปกติแต่ไม่เกิน 24:00 น.

พื้นที่สำหรับนำร่องท่องเที่ยว ไม่มีการห้ามออกนอกเคหสถาน/ การทำงานอยู่ที่บ้านหน่วยงานของรัฐผู้ประกอบการภาคเอกชนดำเนินการได้ตามความเหมาะสมยกเว้นกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างน้อย 70% การจัดกิจกรรมรวมกลุ่มจัดกิจกรรมการรวมกลุ่มตามความเหมาะสม สถานศึกษาทุกระดับให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอน สถานรับเลี้ยงเด็กและสถานผู้ดูแลสูงอายุเปิดได้ตามปกติ / สถานที่เล่นกีฬาเปิดบริการและจัดการแข่งขันได้ตามปกติตามมาตรการที่กำหนด โรงภาพยนตร์เปิดได้ตามปกติจำนวนผู้ชมตามมาตรการที่กำหนด/ ศูนย์แสดงสินค้าจัดงานได้ตามความเหมาะสม ศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้าเปิดได้ตามปกติ ร้านสะดวกซื้อเปิดได้ตามปกติ ร้านอาหารบริโภคในร้านได้เปิดได้ตามปกติให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณากำหนดเวลาปิดตามสถานการณ์พื้นที่ได้ และร้านเสริมสวยร้านนวดเปิดบริการได้ตามปกติ

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

 

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube