ในขณะที่เมื่อวาน (28ต.ค.)พรรคใหญ่ฝ่ายค้าน“เพื่อไทย”กำลังพยายามเดินไปข้างหน้า โดยมาในสเตปปรับลุคพรรคใหม่ เปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง”” “แพทองธาร ชินวัตร” ลูกสาวคนเล็กของ “ลุงโทนี่” “ทักษิณ ชินวัตร””
และเปลี่ยนหัวหน้าพรรคเป็น”หมอชลน่าน”หวังแตะให้ครบกลุ่มเป้าหมาย 3 เจเนอเรชันตั้งแต่รุ่นปู่ยันหลานคนรุ่นใหม่ หันมาดูพรรคใหญ่รัฐบาล “พลังประชารัฐ”เมื่อวาน กลับยังคงวุ่นพัลวลกับการแก้ปัญหาความขัดแย้ง “ภายใน”กับ “ศึกผู้กองยอดรัก”กับ”นายพลตึกไทย” กรณี“ผู้กองนัส”กับ”นายกฯลุงตุ่”ที่ดูทรงภาษากายบอกในทีว่าทำงานด้วยกันไม่ได้ ที่ข้อสรุปเมื่อวานการประชุมกรรมการบริหารพรรคแบบให้เตรียมการสำหรับเปิดสภาฯ1พ.ย.และภาพการกอดกันของ2ช.กับกลุ่ม“สุชาติ”ที่เคลื่อนกับ “สามมิตร”ในภาพ “กลุ่ม6รัฐมนตรี”ที่ไปคุยกับนายกฯที่ตึกไทยวันจันทร์ ก่อนจะตามมาด้วยธง “ปลดผู้กองภาค2”ด้วยเกมลาออกของกรรมการบริหารพรรค แต่”ผู้กอง”ไหวตัวอัญเชิญ “หลวงพ่อป้อม”มาช่วยเบรกกระทั่งมาถึงช็อตพิธีกรรมเมื่อวานที่ เหมือนจะจบแต่ไม่น่าจะจบจริง
แบบที่แม้ทุกอย่างจะเหมือนเดิมไม่ใครต้องปรับเปลี่ยนลุงป้อมดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและร้อยเอกธรรมนัส เป็นเลขาธิการพรรคเหมือนเดิมและตำแหน่งต่างๆในพรรคก็เหมือนเดิม
และ ชัดเจนว่ากิจการพรรคเป็นเรื่องของพรรค กิจการรัฐบาลเป็นเรื่องของรัฐบาล เพื่อกันไม่ให้ “นักร้อง”ไปร้อง “ยุบพรรค”หากแต่ หลายคนยัง จับตาไปที่ “กระบวนท่าถัดไป”ของ “นายกฯลุงตู่” ที่น่าจะยังคงต้องมี “นัดล้างตา” แม้ “หัวหน้าป้อม”ส่งสัญญานชัด กางปีกป้องมือทำงานการเมืองอย่าง”ผู้กองนัส-อ.แหม่ม”อีกครั้งด้วยการออกหน้าหากยังไม่เลิกจะออกจากหัวหน้าหรือหาก”น้องเล็ก”จะไปลงพรรคอื่นก็จะเลิกเล่นการเมือง ที่กลายเป็นข่าวพาดหัวว่ายกนี้ “ผู้กอง”ได้แต้ม ให้คนทำเนียบฯจี๊ดหัวใจ ไม่นับรวมการแถลงของ “วิรัช”ที่เว้นจังหวะแบบ “คิดนาน”ก่อนจะ “ทิ้งทุ่น”ให้ผู้คนสะกิดใจ ว่า “นายกฯลุงตู่”จะยังคงเป็น 1 ใน 3 ชื่อ“แคนดิเดตนายกฯ”ที่พปชร.เสนอที่เป็นการส่งสารเหมือนที่ “ผู้กองนัส”และ”หัวหน้าป้อม”เคยส่งสารก่อนหน้า ไม่เคยตอบว่าจะส่งชื่อนายกฯแค่ “ลุงตู่”คนเดียว เพราะกฎหมายให้เสนอได้ 3 ชื่อ
กระนั้น ปัญหาใหญ่ ของ “3ป.”ที่รออยู่วันข้างหน้าจากนี้ ไม่ใช่แต่เพียงปัญหา “ความไม่สบายใจ”ของ “นายกฯลุงตุ่”ว่าจะถูก “แทงข้างหลัง”
ในการโหวตกฎหมายสำคัญหรือแม้กระทั่งที่ฝ่ายค้านจ่อยื่นอภิปรายทั่วไปทันที เมื่อสมัยประชุมสภาเริ่มขึ้นวันที่ 1 พ.ย. ที่สภาพการณ์ หากยังไม่มีการเคลียร์กัน ก็ ส่งผลต่อ “เสถียรภาพรัฐบาล”ที่ง่อนแง่น แบบพร้อมจะเกิดอาการเหมือน“คืนวันกบฏโค่นลุง”หลังศึกซักฟอกครั้งก่อน ได้ทุกเมื่อ หากแต่ยังมีปัญหาไปถึง “อนาคต”ของพรรค พปชร.ที่จะต้องเตรียมพร้อมสำหรับ “ช็อตเลือกตั้ง”หากเกิด “อุบัติเหตุการเมือง”ที่นับวันยิ่งมีอัตราเร่งจากภาพความขัดแย้งไม่รู้จบของ “ศึกนายกกับผู้กอง”ที่เริ่มดึงเอาตัวละครฝ่ายการเมืองกลุ่มก๊วนเข้ามาเล่นด้วยมากขึ้น
ไม่นับรวมถึง”อาการแทรกซ้อน”ที่เกิดจากบุคลิก “ไม่ยอมคน”ของ “นายกพล”อาจขยายบานปลายให้เกิดผลกระทบ แบบที่มี”นักร้อง”ไปร้องไว้กับกกต.แล้วกรณี “6รัฐมนตรี”
กรรมการบริหาร พปชร.คุยนายกฯที่ตึกไทยคู่ฟ้า ไม่นับรวมที่มีการสั่งล่าสุดให้ “วิปรัฐบาล”จากที่ประชุมที่สภาไปประชุมที่ทำเนียบฯเพื่อให้ใกล้หูใกล้ตานายกฯ ราวกับจะบอกว่ามีความหวั่นไหวและไม่ไว้วางใจกันในทีทั้งที่วิปรัฐบาลควรอยู่ที่สภา เพราะ ต้องหารือด่วนทันทีแบบตลอดเวลาระหว่างที่ประชุมสภา เพื่อกำหนดโพยในเรื่องต่างๆให้กับ สส. รัฐบาลปฏิบัติอย่างรวดเร็ว ไม่นับรวม วิป30คนเป็น สส. หากมาอยู่ที่ทำเนียบ สส.ฝ่ายรัฐบาลก็จะขาดจำนวน สส. ที่มานั่งประชุมและอาจเกิดปัญหาไม่ครบองค์ประชุม
ที่ทั้งหมดกำลังไหลไปสู่สภาพวิกฤตของ “ศูนย์อำนาจ3ป.”และรัฐบาล อันเกิดความขัดแย้งภายในรัฐบาลเอง
ระหว่างผู้นำรัฐบาลกับแกนนำของพรรคการเมืองฐานสนับสนุนรัฐบาล จนนำไปสู่ความไม่มั่นคงจากเสียงโหวตในสภา ซึ่งทิศทางถัดไป เหมือนจะมีคำตอบจากเซียนการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลไม่ว่าจะประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ที่หันมาจัดทัพเลือกตั้งกันอย่างคึกคักเช่นเดียวกับ พรรคเพื่อไทย ที่เปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” ราวกับทุกคน จะบอกอยู่ในที ว่า สภาพการณ์ของ “รัฐบาลนายกฯลุงตู่” กำลัง “นับถอยหลัง”อย่างเป็นทางการแล้ว.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news